สส.พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ในวาระแรก

สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ นายเอกพร รักความสุข สส.บัญชีรายชื่อ และนายทรงยศ รามสูต สส.น่าน ร่วมอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ในวาระแรก

โดยชี้ให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มีความล้มเหลวในการปราบโกงและขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้กระบวนการใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ

.

[รธน. ล้มเหลวในการปราบโกงและขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ]

.

นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการขนานนามว่า จะเป็นรัฐธรรมนูญ ปราบโกง แต่ที่ผ่านมาจะ 8 ปี คงพิสูจน์ความจริงกันได้แล้วว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ช่วยมาปราบการคดโกงทุจริตได้หรือไม่  บางคนก็บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะช่วยให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้าเศรษฐกิจดี กินดีอยู่ดี แต่นี่ก็กลับพบว่าหลังจากใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ การค้าขายก็ตกลง จีดีพีประเทศไทยก็รั้งท้ายในอาเซียนทุกอย่างถอยหลังไปหมด

.

นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ส่งผลไปยังกระบวนการใช้งบประมาณมีปัญหา ทำให้เงินทุกบาทที่ถูกใช้ผ่านกระบวนการด้านงบประมาณ ผลลัพธ์ที่ได้กลับลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน สาระคัญคือ โครงสร้างรัฐธรรมนูญ ทำให้การดำเนินการงบประมาณเดินหน้าไปอย่างลำบากภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ที่คลุมครอบกำกับไว้มากกว่า 1 พันหน้า มีเงื่อนไขการปฏิรูปประเทศมาเป็นกรอบกำกับไว้อีกชั้น ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงไม่ได้ออกแบบมาให้กระบวนการใช้เงินงบประมาณมีประสิทธิภาพ จึงทำให้คนที่ใช้งบประมาณทำได้เพียงแค่การขุดลอกคลองไปในแต่ละปี แต่ไม่ได้มีการเสริมประสิทธิภาพด้านการผลิตให้เจริญงอกงามเลย

.

[การร่าง รธน. ต้องไม่เริ่มต้นด้วยความกลัว]

.

นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ฝากข้อสังเกตการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังนี้

.

-อย่าเริ่มด้วยความหวังและจบด้วยข้อจำกัด อย่าเขียนแต่ปฏิบัติยาก 

-อย่าใช้ความกลัวเป็นหลักการในการร่างรัฐธรรมนูญ เช่นการเขียนรัฐธรรมนูญด้วยความกลัวว่านักการเมืองจะมีอำนาจมากไป เพราะความกลัวจะกลายเป็นกติกาไป

-อย่าให้องค์กรอิสระ อิสระจากการตรวจสอบ หรือมีอำนาจจนไม่มีใครถ่วงดุล

-หยุดใช้คำว่าจริยธรรม มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติทำลายฝ่ายตรงข้าม

-ต้องร่างรัฐธรรมนูญบนความเชื่อและศรัทธาว่าเจัาของอำนาจแท้จริงคือประชาชน 

-แยกการถ่วงดุลของสามอำนาจหลัก คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ไม่ก้าวก่ายกันหรือใช้กระบวนการตุลาการภิวัฒน์มาใช้ทำลายการทางการเมือง

-เราต้องการรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนโดยไม่ต้องมีการตีความ 

.

[การออกกฎหมายไทยล่าช้าและใช้งบประมาณสูงเกินจำเป็น]

.

ด้านนายเอกพร รักความสุข สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายตั้งข้อสังเกต ถึงการกระบวนการการออกกฎหมายของไทยว่า ใช้ทั้งเวลาและงบประมาณมหาศาล โดยปัญหาหลักของการร่างกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติคือ มีการออกกฎหมายล่าช้า กฎหมายกระจุกกันเป็นคอขวดรอคิวพิจารณาและหลายครั้ง กฎหมายที่ผ่านสภาไปแต่กลับถูกยับยั้ง

.

ส่วนในเรื่องการใช้เวลาในการร่างกฎหมายนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศบางแห่ง จะพบว่าบางประเทศจะใช้เวลาออกกฎหมายฉบับหนึ่งประมาณ 150-250 วัน แต่ในฝ่ายนิติบัญญัติไทยพบว่า ใช้เวลาเฉลี่ยในการออกกฎหมายฉบับหนึ่งถึง 414 วัน จึงส่งผลกระทบต่อการออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย 

.

และเมื่อลองดูงบประมาณที่รัฐสภาได้รับ เช่นในปี 69 นี้จะได้รับงบประมาณประมาณ 9 พันล้าน เทียบกับกฎหมายที่ออกมาโดยเฉลี่ยแค่ปีละ 35 ฉบับ เท่ากับกฎหมายฉบับหนึ่งเรามีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าฉบับละ 260 ล้านบาท นอกจากช้าและยังใช้งบจำนวนมาก

.

เมื่อลองดูย้อนกลับไปตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 60 พบว่า มีการประชุมกันถึง 500 กว่าครั้ง จึงจะร่างรัฐธรรมนูญได้เสร็จสมบูรณ์ ทั้งที่ในรัฐธรรมนูญก็เขียนกำหนดไว้เองด้วยซ้ำว่าการออกกฎหมายควรออกเท่าที่จำเป็น จึงเป็นข้อสังเกตที่ฝากไว้ให้คณะกรรมาธิการฯ หรือคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นข้อสังเกตเพื่อให้จัดทำแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่านี้

.

[นิยามคำว่าความผิดจริยธรรมให้ชัดเจน]

.

นายทรงยศ รามสูต สส.น่าน ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องการกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมในร่างรัฐธรรมนูญว่า การที่จะกำหนดมาตรฐานของคำว่าจริยธรรมว่าอะไรผิดร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงนั้น ควรจะมีข้อกำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่า การทำผิดจริยธรรมนั้นทำอะไรอย่างไรขนาดไหน ถึงจะเรียกว่าร้ายแรงผิดจริยธรรม รวมถึงกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนว่าต้องทำอยู่ในช่วงเวลาไหน เช่นช่วงดำรงตำแหน่งนั้น หรือจะเอาก่อนหน้านั้นนานขนาดไหนมานับรวมก็ต้องคุยเขียนกันให้ชัด หรือแม้แต่ของเขตการกระทำผิดจริยธรรมผิดเกิดขขึ้น ต้องเกิดขึ้นที่ไหน จะต้องเกิดขึ้นแค่ในประเทศหรือรวมถึงการกระทำผิดจริยธรรมในต่างประเทศ ตรงนี้ต้องนิยามให้ชัด เพื่อให้คนที่ดำรงตำแหน่งจะได้รู้ว่าตนมีคุณสมบัติไหม หรือแม้แต่ผู้แต่งตั้งใครให้ดำรงตำแหน่งจะได้รู้ว่าบุคคลไหนแต่งตั้งได้หรือไม่ เป็นต้น

.

#พรรคเพื่อไทย #แก้ไขรัฐธรรมนูญ