‘ชนินทร์’ ร่วมเมรัยไทยแลนด์ 2025 ยินดีกับผู้ประกอบการสุราชุมชน หลังกฎหมายใหม่บังคับใช้ ฝากรัฐบาลเร่งออกกฎหมายลูก ต่อยอดสุราไทยให้นานาชาติรู้จึก
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2568 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมงาน “เมรัยไทยแลนด์ 2025” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ EM WONDER & SPHERE HALL ชั้น 5 ศูนย์การค้า The Emsphere ในเวทีเสวนา “เมรัยไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน จากกฎหมายใหม่สู่โอกาส”
นายชนินทร์กล่าวถึงบรรยากาศของอุตสาหกรรมสุราในประเทศว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการสุราชุมชนและคราฟท์เบียร์ทุกท่าน ที่การเดินทางขับเคลื่อนกฎหมายเพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจที่เป็นธรรมสัมฤทธิ์ผลในระดับหนึ่ง ในฐานะประธานกรรมาธิการแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (สุราชุมชน) และรองประธานกรรมาธิการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องขอบคุณทุกแรงสนับสนุนในสภาและภาคประชาชน ที่ทำให้ พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ที่ขับเคลื่อนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ผ่านการพิจารณาและประกาศใช้แล้วอย่างสมบูรณ์ เห็นบรรยากาศวันนี้แล้วก็รู้สึกชื่นใจ แต่ก็ยังเสียดายที่ไม่ได้อยู่เป็นรัฐบาลในช่วงการทำกฎหมายระดับรองต่างๆที่ออกตาม พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ จึงยังมีความกังวลต่อความล่าช้า และรายละเอียดเงื่อนไขที่จะออกตามมา ว่าจะตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐสภาหรือไม่
เมื่อถามถึงความคลุมเครือในข้อกฎหมาย ณ ปัจจุบัน นายชนินทร์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ภาคธุรกิจมีความกังวลเรื่องระยะเวลาห้ามขาย และการห้ามดื่มในร้านต่อเนื่องหลังช่วงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งตนได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งรัดการออกกฏหมายลูกมาแก้ไขเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว และก็ได้รับการตอบสนองแล้ว คาดว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายลูกที่ผ่อนคลายให้ขายได้ในเวลา 14.00-17.00 น. ตลอดจนสามารถบริโภคต่อในร้านนอกเวลาขายไปอีก 1 ชั่วโมงได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
ส่วนเรื่องที่ยังเป็นประเด็นคลุมเครืออยู่ในปัจจุบัน คือเรื่องการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ ที่ในพระราชบัญญัติฉบับปัจจุบันได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตามกรอบที่กฎหมายระดับรองกำหนด แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนเรื่องรายละเอียดในส่วนนี้ จึงต้องเรียกร้องต่อเนื่องไปยังรัฐบาลให้เร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจน เพราะการปลดล็อคให้ผลิตภัณฑ์สุราชุมชนตลอดจนคราฟท์เบียร์ต่างๆ สามารถสื่อสารถึงลักษณะและจุดเด่นของสินค้าของตัวเองได้บ้าง จะเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการรายย่อยแข่งขันได้ในตลาด และต่อยอดไปถึงการเป็นที่รู้จักของสินค้าไทยในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนเรื่องที่วงการสุราชุมชนยังต้องการสนับสนุนต่อนั้น ตนมองว่าแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การสนับสนุนด้านกฎหมาย และการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย
ในส่วนของการสนับสนุนด้านกฎหมายนั้น ตนคิดว่าร่างกฎหมายระดับรองที่ออกโดยกรมสรรพสามิตฉบับใหม่ที่เตรียมประกาศใช้ในต้นเดือนธันวาคมนี้ ถึงแม้จะมีการผ่อนคลายเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการในระดับเล็กและกลางสามารถเข้าถึงใบอนุญาตได้กว้างขวางมากขึ้นแล้ว แต่อาจยังมีเงื่อนไขบางประการที่ยังสามารถผ่อนคลายให้การประกอบธุรกิจจริงเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น การระบุให้ผู้ประกอบการที่จะผลิตเหล้าสี ต้องมีอุปกรณ์ในการตรวจมาตรฐานต่างๆมากมาย สามารถปรับเปลี่ยนเป็นให้มีการตรวจสอบมาตรฐานเหล่านั้นด้วยวิธีการอื่นได้หรือไม่ เช่น การมีแล็บชุมชนที่ใช้ตรวจร่วมกัน หรือการให้มีบริการการตรวจที่เข้าถึงได้ในราคาประหยัดแทน
หรือสินค้าประเภทเบียร์บรรจุขวดหรือกระป๋องที่ระบุไว้ว่าจะต้องทำโดยมีระบบพาสเจอร์ไรส์เท่านั้น สามารถเปิดกว้างให้มีคราฟท์เบียร์ บรรจุขวดหรือกระป๋องโดยไม่ต้องพาสเจอร์ไรส์ได้หรือไม่ เพราะถึงแม้จะอายุสินค้าจะสั้นกว่าแต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ลดข้อจำกัดของการผลิตสินค้าออกจำหน่ายได้ และก็เป็นเรื่องปกติที่ทำกันในสากล
ส่วนในแง่ของการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการที่ช่วยส่งเสริมให้สุราชุมชนเป็นที่รับรู้หรือรู้จักมากขึ้น เช่นในอดีตของรัฐบาลเพื่อไทย ที่พยายามส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีโอกาสขายในร้านสะดวกซื้อ ศูนย์การค้า หรือตามร้านอาหารต่างๆทั้งในและนอกประเทศ ตลอดจนการนำสินค้าเหล่านี้มาแสดงอยู่ในสื่อต่างๆที่รัฐร่วมสนับสนุน เช่น ภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ที่มีโอกาสนำเสนอต่อนานาชาติ เป็นต้น
“อยากให้กำลังใจผู้ประกอบการทุกท่าน เพราะอุตสาหกรรมสุราไทยยังไปได้อีกมาก เราสามารถยกระดับเป็นสุราที่นานาชาติรู้จัก เหมือนญี่ปุ่นมีสาเก หรือเกาหลีมีโชจูได้ หากภาครัฐเปิดโอกาสให้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในสื่อต่างๆมากขึ้น” นายชนินทร์กล่าว
.
#พรรคเพื่อไทย #ชนินทร์รุ่งธนเกียรติ #สุราชุมชน