“ตลาดวังหลัง” สุดเงียบ “ผู้ประกอบการ” ร้องรัฐสนับสนุนเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำ ต่อลมหายใจร้านค้า ก่อนหมดสภาพคล่อง
(22 พฤษภาคม 2564) นายชัชนภ นักสอน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกอกน้อย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ตลาดวังหลัง ซึ่งเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ แต่จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตลาดวังหลังวันนี้เงียบเหงาลงมาก แม้ภาครัฐจะเริ่มมาตรการผ่อนคลายให้ลูกค้านั่งทานในร้านอาหารได้ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ แต่จำกัดให้ลูกค้านั่งทานได้โต๊ะละ 1-2 คน และเปิดให้นั่งไม่เกินเวลา 21 น. ผู้ประกอบการย่านวังหลังต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายลดไปกว่า 60-70 เปอร์เซนต์ แม้รัฐจะให้นั่งรับประทานในร้านได้ แต่จากบรรยากาศที่มีผู้ติดเชื้อสูงเพิ่มขึ้นทุกวันทำให้ลูกค้าไม่กล้านั่งในร้าน หลายร้านหันมาใช้วิธีเดลิเวอร์รี่ คือส่งอาหารถึงบ้านลูกค้า แต่ก็ปรากฏว่ารอบนี้การสั่งซื้อผ่านเดลิเวอร์รี่ ไม่คึกคักเหมือนเมื่อการระบาดเมื่อรอบที่แล้ว สะท้อนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หลายๆ ร้านในย่านวังหลังต้องปิดกิจการชั่วคราวเพราะเเบกรับค่าใช่จ่ายไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าเเรง เเละวัตถุดิบที่ต้องสูญเสีย และยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเปิดร้านได้อีก
นายชัชนภ เสนอแนวทางแก้ไขว่าภาครัฐต้องสร้างความมั่นใจและเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยมีข้อเสนอว่ารัฐต้องอนุญาติการนั่งทานในร้านให้เป็น 50% เพื่อให้นั่งทานได้ 2 คน ต่อโต๊ะ ในกรณีมาเป็นครอบครัวก็ควรผ่อนปรนให้นั่งด้วยกันโดยมีมาตรการป้องกันตามมาตรฐานสาธารณสุข รวมถึงรัฐต้องเป็นตัวกลางเจรจากับเดลิเวอร์รี่เเพลตฟอร์ม ให้ลดค่า GP จาก+30%ลงเหลือ 5% เพื่อประคองร้านอาหารที่ยังพอทำระบบเดลิเวอร์รี่ได้ พอมีกำไรโดยไม่เพิ่มราคาสร้างภาระให้ผู้บริโภค
 
															“ผู้ประกอบการร้านอาหารย่านวังหลัง ต้องการให้รัฐสนับสนุนเงินกู้ระยะสั้นสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อประคองสภาพคล่อง โดยกำหนดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำที่สุด ออกมาตรการช่วยเหลือลดค่าเช่า หรือให้ผ่อนชำระค่าเช่าได้ในระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อประคองธุรกิจไม่ให้ล้มโดยมีรัฐบาลช่วยค้ำประกัน รวมทั้งควรมีมาตรการชดเชยรายได้พนักงานในส่วนที่ต้องหยุดงานหรือเลิกจ้างให้รวดเร็วชัดเจน พร้อมยกเว้นการส่งเบี้ยประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือนด้วย” นายชัชนภ กล่าว
 
															 
															บทความที่เกี่ยวข้อง
 
                                  
                ‘ดนุพร’ เรียก 7 บริษัทในตลาดหุ้น ให้ข้อมูลเอี่ยวสแกมเมอร์ เชิญ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมสอบ
อ่านต่อ 
                                  
                นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบน x ตั้งคำถามถึง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐบาลไทย ไปลงนามกับสหรัฐฯ โดยมีข้อกังวลว่าไทยได้ประโยชน์อะไรจาก MOU ฉบับนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การไปลงนาม MOU ดังกล่าวโดยไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาก่อนนั้นอาจขาดความรอบคอบ รัดกุม เสี่ยงต่อการเสียอำนาจการต่อรอง และหากลงนามกันแต่บอกว่าไม่ผูกพันยิ่งทำให้ประเทศเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก โดยนายศึกษิษฏ์ ได้เขียนข้อความดังนี้
อ่านต่อ 
                                  
                ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 กรณีที่รัฐบาลไทยนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนามร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรื่องแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธ ว่านายกรัฐมนตรีไทยไปทำเรื่องใหญ่ที่สร้างความตกใจให้คนทั้งประเทศ ด้วยการปิดบังไปลงนาม MOU ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อรัฐธรรมนูญ
อ่านต่อ 
                                  
                 
                                   
                                   
                                  