โดยมุ่งเน้นการพัฒนาส่วนรวม ไม่ใช่การให้กู้ยืมรายบุคคล คนในชุมชนริเริ่มคิดโครงการ และตัดสินใจการใช้งบประมาณ เพื่อแก้ปัญหา-พัฒนาศักยภาพของชุมชน และหมู่บ้าน/ชุมชนใกล้เคียงกัน สามารถรวมงบประมาณเพื่อทำโครงการขนาดใหญ่ได้

งบประมาณนำไปทำอะไรได้บ้าง

-พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน 

-เพิ่มศักยภาพการหารายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน

-สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในด้านการประกอบอาชีพ การผลิต การแปรรูป การตลาด และการบริการของประชาชน 

-อนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมของชุมชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวชุมชน

การจัดสรรงบประมาณแบ่งตามขนาดของชุมชนเป็น 3 ระดับ

– หมู่บ้าน/ชุมชน ขนาด S (ไม่เกิน 500 คน): ได้รับงบกองทุนละ 200,000 บาท

– หมู่บ้าน/ชุมชน ขนาด M (501-1,000 คน): ได้รับงบกองทุนละ 300,000 บาท

– หมู่บ้าน/ชุมชน ขนาด L (1,001 คนขึ้นไป): ได้รับงบกองทุนละ 400,000 บาท

.

ชุมชนที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณต้องมีคุณสมบัติสำคัญ 

– เป็นกองทุนที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

– ส่งงบการเงินต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี

– มีคณะกรรมการที่ได้รับการคัดเลือกอย่างถูกต้องตามระเบียบ

– ผ่านเกณฑ์อื่นๆ ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนด

โครงการ SML เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจแบบองค์รวมของรัฐบาล ที่เชื่อมโยงกับนโยบายอื่นๆ อาทิ

– นโยบายดิจิทัลชุมชน – โดยชุมชนสามารถใช้งบประมาณ SML พัฒนาศูนย์เรียนรู้ดิจิทัลหรือตลาดออนไลน์ชุมชนได้

– โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ – กองทุนหมู่บ้านสามารถพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

– นโยบายการท่องเที่ยวชุมชน – เชื่อมโยงกับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน โดยใช้งบ SML พัฒนาสถานที่และบริการท่องเที่ยว

มีระบบการติดตาม และประเมินผลโครงการอย่างไร?

รัฐบาลได้วางระบบติดตามและประเมินผลแบบมีส่วนร่วม โดยมีการรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งชุมชนสามารถอัพเดตสถานะโครงการ แสดงผลลัพธ์ และแชร์ภาพความสำเร็จได้ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการติดตามในระดับตำบลและอำเภอที่จะลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการ เพื่อให้คำแนะนำและช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ตัวชี้วัดความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การใช้จ่ายงบประมาณให้หมด แต่อยู่ที่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างแท้จริง
#พรรคเพื่อไทย #กองทุนหมู่บ้าน #SML