นางฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายสนับสนุนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่ 1
เรื่องภาระหนี้สินของประชาชนว่าตนเองนั้นสนับสนุนแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิชัย ชุณหวชิร ที่เสนอแนวคิดตั้งกองทุนเพื่อช่วยล้างหนี้คนจน โดยเสนอให้รัฐบาลกล้าหาญ ตั้งกองทุนล้างหนี้คนจน โดยใช้งบประมาณแค่ 4 พันล้านบาท ซื้อหนี้เสียที่ 1 เปอร์เซ็นต์มาบริหาร จะช่วยคนจนได้มากถึง 4 ล้านคน และโน้มน้าวให้เงินไหลกลับมาเข้าสู่ระบบได้มากถึง 4 แสนล้านบาท
.
นางฐิติมา ฉายแสง เริ่มต้นปราศรัยถึงปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชนว่า ทุกวันนี้พี่น้องมาปรับทุกข์เรื่องภาระหนี้สินกันมากขึ้น ตัวเองอาจจะไม่ได้พูดถึงหนี้ของคนมีธุรกิจระดับร้อยล้านพันล้าน แต่หนี้ที่ตนห่วงใย คือหนี้ของคนรากหญ้าแค่ระดับพันบาท หมื่่นบาท หรือมากหน่อยก็แสนบาทต่อคน ซึ่งตนได้ฟังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยกล่าวว่า หากลูกหนี้รายย่อยไม่เกิน 1 แสนคน มี 3.5 ล้านคน หากเราช่วยได้ ก็จะเกิดผลดีกับระบบเศรษฐกิจโดยรวม นอกจากนี้ รมต.คลังยังพูดถึงแนวคิดการใช้บริษัทบริหารสินทรัพย์ เข้ามาช่วยซื้อหนี้ประชาชน ซึ่งแนวคิดที่ดีแบบนี้ ก็อยากให้แนวคิดนี้อยู่ในงบประมาณฉบับนี้
.
เราต้องกล้าตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยเสนอตั้งกองทุนซื้อล้างหนี้คนจนใช้งบประมาณ 4 พันล้าน เป็นเงินแค่ 0.1 % ของงบประมาณประเทศ โดยซื้อหนี้เสียในราคาต่ำเพียง 1% ของมูลหนี้ เท่ากับเราสามารถบริหารหนี้ได้มากถึง 4 แสนล้านบาท ช่วยคนได้ 4 ล้านคน เราไม่ได้ล้างหนี้แบบแจกฟรี แต่ออกแบบให้เขาสามารถชำระหนี้ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
.
โดยอาจแบ่งกลุ่มลูกหนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม (ข้อสมมุติฐาน) คือ
-หนี้กลุ่มแรก หนี้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ถ้าชำระหนี้ครบจำนวน ล้างหนี้ให้เลย
-กลุ่มสอง หนี้ 1-3 หมื่นบาท ผ่อนชำระ 3 ปี ไม่มีดอกเบี้ย จ่ายครบล้างหนี้ให้
-กลุ่มสาม หนี้ 3 หมื่นถึง 5 หมื่นบาท ผ่อนจ่ายภายใน 3 ปีและหากชำระครบก็ล้างเครดิตบูโร
.
ซึ่งหนี้เหล่านี้ต้องเน้นว่า เป็นหนี้ในระบบ ไม่ใช่หนี้นอกระบบไม่ใช่หนี้พนันหรือหนี้ผิดกฏหมาย มีรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ไม่มีทรัพย์สินในชื่อเขา และนี่ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์ แต่เป็นการซื้อโอกาสให้คนจนตั้งหลักใหม่ กลับมาเป็นผู้ทำงานเพื่อสร้างเศรษฐกิจไทย
.
“แน่นอนว่า ในแง่วินัยการเงินการคลังนั้น เราต้องมีวินัยอย่างเข้มแข็ง แต่อีกด้าน เราต้องกล้าคิด กล้าทำ เพื่อที่จะช่วยคนจนที่เขามีวินัยในการใช้หนี้ ถ้าเขามีวินัย ผ่อนจ่ายหนี้สม่ำเสมอ ไม่ได้หนีหนี้ เงินแค่หลักร้อยหลักพันบาท หากเราช่วยเขาได้ ก็เท่ากับให้ชีวิตใหม่กับเขา ให้เขาฟื้นตัวได้ และเขาก็จะเป็นคนมาทำงานเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศอย่างมั่นคงแข็งแรง ดิฉันได้เห็นคำสัมภาษณ์ ของท่าน รมว.คลังที่ดีแบบนี้ จึงไม่อยากให้ปล่อยผ่านเลยไป แต่อยากสนับสนุนผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง” สส.ฉะเชิงเทรา กล่าว
.
#พรรคเพื่อไทย #งบประมาณปี69

บทความที่เกี่ยวข้อง
