‘มาริษ’ รมว.ต่างประเทศยัน ไทย-กัมพูชา มุ่งแก้ปัญหาโดยสันติ ผ่าน 3 กลไก เตรียมถก ‘เจบีซี’ เร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ฝ่ายไทย นานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และพลเอก มนัส  จันดี เสนาธิการทหาร ร่วมด้วยว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศจัดประชุมเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยไทยและกัมพูชาเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 05.45 น. กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง

.

นายมาริษกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนยังสงบเรียบร้อย ด่านทุกด่านยังเปิดทำการปกติ  จากเหตุการณ์เกิดขึ้นได้มีการหารือกันในหลายระดับ แรกเริ่มได้มีการโทรศัพท์พูดคุยนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ซึ่งเห็นด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ยุติความตึงเครียด นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกทั้งสองประเทศได้พบกันในวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อหาทางลดความตึงเครียด และล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ตนได้เดินทางไปประชุมที่ญี่ปุ่นก็ได้หารือกับนายปรัก สุคนอีกครั้ง และยังมีโอกาสเรียนหารือกับสมเด็จฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นว่าเราต้องมีความร่วมมือกัน เพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนโดยกลไกต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศที่เห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือกันทั้งในด้านการทหารด้วย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพตามแนวชายแดนในระหว่างที่ท่านได้เยือนกัมพูชาในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

.

นายมาริษกล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการจะใช้กลไกที่มีอยู่ เรามีเจตนารมย์ทางการเมืองที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติโดยไม่มีความขัดแย้งผ่านกลไก 3 ระดับที่มีระหว่างกันคือ เจบีซี  คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และจะพยายามใช้กลไกเหล่านี้ ในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ความสงบกลับคืนมา วันนี้จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเตรียมความพร้อมที่จะไปพูดคุยกับฝั่งกัมพูชาในกรอบของเจบีซี ซึ่งทั้งสองฝ่ายตัดสินใจแล้วจะให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด

.

นายมาริษยังระบุด้วยว่า เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและไม่เกิดเหตุการณ์ที่มันบานปลายไปมากกว่านี้ จำเป็นที่ประเทศทั้งสอง ไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดขึ้น จึงต้องใช้ความอดกลั้นที่จะไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายและใช้กลไกการเจรจาของกรอบเจบีซีแก้ปัญหา ขณะเดียวกันขอฝากสื่อมวลชนว่าเราจะต้องช่วยกันทำให้ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องระวังไม่ให้มีการเผยแพร่สิ่งที่ไม่สมควรเปิดเผยให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้

.

ด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเพิ่มเติมว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจ ยืนยันว่าไทยดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและตามกฏหมายภายในของไทย ทั้งนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปเพื่อป้องกันอธิปไตยและเป็นไปเพื่อการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนของสถานการณ์ ที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้สถานการณ์ยังคงมีความสงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และด่านทุกด่านเปิดตามปกติ

.

“ท่านรัฐมนตรีได้มีการติดต่อสื่อสารกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา 2 ครั้ง จุดนี้ทำให้เห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่แน่วแน่ ที่จะแก้ไขด้วยกลไกที่ 2 ฝ่ายมีอยู่แล้ว เราหวังว่าจะมีการประชุมเจบีซี ซึ่งเป็นกลไกทางเทคนิคและกฎหมายที่ตั้งขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความชัดเจนของการแก้ไขปัญหาเขตแดนในระยะกลางถึงระยะยาว เพื่อให้มีการสำรวจและทำหลักเขตแดนที่ชัดเจน โดยอาจจะแนะนำมาตรการชั่วคราวในระหว่างรอสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญ ที่อาจช่วยลดการเผเชิญหน้าระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย เราพยายามจัดให้มีการประชุมในโอกาสแรกอย่างเร็ว อาจจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และไม่น่าจะเกินปลายเดือนมิถุนายนนี้” นายนิกรเดชกล่าว

.

นายนิกรเดชย้ำว่า ไทยมีความพร้อมในการเจรจาเจบีซีที่แล้วหลังจากที่ได้มีการประชุมกัน ผู้ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมในครั้งนี้คือฝ่ายกัมพูชา ขณะนี้กำลังเจรจาเรื่องวันที่อยู่ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายอยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด

.

เมื่อถามถึงโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ตามหลักแล้วมีผลทางกฎหมายหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ผลทางกฎหมายไม่มี ท่านโพสต์ได้ เพียงแต่เราดูในฝั่งเรา อยากให้ข้อมูลที่ออกมาทางสื่อสะท้อนความเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

.

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นจะมีการรับมืออย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า เรื่องนี้เกินกระทรวงการต่างประเทศ แต่จะมีทั้งทางทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เกิดเหตุปะทะกันรุนแรง ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปถึงตรงนั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่ในทางลงที่ดี ทางลงที่สันติระหว่างกัน ตนเชื่อว่าเราพร้อมเจรจาระหว่างกัน

.

เมื่อถามว่าจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นพลเรือน และกองทัพที่อยู่ในฝ่ายปฏิบัติสอดคล้องกันหรือไม่ในเรื่องการยืนยันที่จะเจรจารักษาสันติภาพ นายนิกรเดช กล่าวว่า สอดคล้องกัน เพราะฝ่ายทหารไม่ได้ประสงค์ที่จะมีความรุนแรงใดๆ เราทีมไทยแลนด์ทั้งทีม เรามุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี

.

#พรรคเพื่อไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา