‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีย้ำ ผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุยตรง “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงกันให้ยึดหลักสันติวิธี เผยใช้การเจรจาอย่างจริงใจจนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่น แก้ทีละปม พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาลสร้างความสงบสุขให้แน่นอน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลใช้ความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยปฏิบัติงานร่วมกันในหลายภาคส่วน และตอนนี้ผลลัพธ์ออกมาก็เกิดความสงบสุขเรียบร้อยดี
.
ในระดับนโยบาย รัฐบาลก็พูดคุยให้หน่วยงงานความมั่นคง กองทัพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี เราพูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนภายในประเทศแต่ละกระทรวงก็คุยกัน รวมถึงตนเองก็ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาประสานงานเจรจา เพื่อรักษาอธิปไตยประเทศชาติ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งเราก็เจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่ต้องมีการปะทะรุนแรง
.
ในระดับพื้นที่ หน่วยงานความมั่นคงและกองทัพ มีการประสานผู้นำเหล่าทัพกัมพูชาในหลายช่องทางเพื่อเจรจากัน ทั้งตามแนวชายแดน แต่ละหน่วยงานที่มักมีความคุ้นเคยจึงทำให้การเจรจาเป็นไปด้วยดี ส่วนท่านฮุนเซ็น ก็ส่งอดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการกองทัพ มาพูดคุย ขอความร่วมมือและลงพื้นที่ดูจุดที่มีการพิพาทกันเพื่อจะได้นำกลับไปรายงานท่าน นอกจากนี้ก็ได้มีการปรับกำลังพลในพื้นที่พิพาทกันให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
.
ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ก็ย้ำเรื่องการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ก็ได้มีการคอนเฟิร์มในทุกระดับ ทั้งในระดับนายกรัฐมนตรีและในระดับกระทรวงการต่างประเทศ และจะรายงานผลให้ทราบอีกครั้ง
.
ส่วนเรื่องการที่ฝ่ายกัมพูชาประสงค์ไปศาลโลกนั้น ขอยืนยันว่า ประเทศไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโลก โดยที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการผ่านวิธีทางการทูต ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ในแล้วในเวทีสากล
.
ส่วนเรื่องมาตรการระหว่างชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการกำชับให้เปิด-ปิดด่านตามกรอบระยะเวลา ไม่ได้มีการปิดถาวรตามที่มีข่าวออกมา เพราะทราบดีว่ามีการค้าขายระหว่างประเทศ หากปิดก็จะมีผลกระทบกับประชาชน ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการรัดกุมเรื่องเวลาเปิด-ปิด
.
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเจรจาครั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าหน่วยทุกคน ซึ่งรายงานตรงมาที่ตนตลอดเวลา และบางอย่างยังไม่ให้นายกฯออกมาเปิดเผยเพราะจะเกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีได้ มีหลายเรื่องที่ข้อมูลเล็ดลอดออกไป ซึ่งได้พูดคุยกับทางกัมพูชา ก็ตกลงกันได้ เข้าใจซึ่งกันและกัน และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ในการสื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างความแตกแยกกันเองภายในประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความมั่นใจแก่ประชาชน ว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยสันติวิธี และผู้ประกอบการตรงนั้นก็จะได้มีความมั่นใจ และรัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่าการเจรจาทั้งหมดนี้ ผ่านไปด้วยดี เน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างแน่นอน
.
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีบอกได้หรือไม่ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ เมื่อถามว่า จะมั่นใจกับท่าทีกัมพูชาได้อย่างไรเพราะล่าสุดได้มีแถลงการณ์ ที่จะมีการปรับกำลัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเราสื่อสารเรื่องนี้กันหลายส่วน เช่น ไม่อยากใช้คำว่าถอยทั้งสองฝ่ายแต่เป็นการปรับกำลัง โดยจากการคุยเป็นการปรับกำลังทั้งคู่ เป็นการให้เกียรติทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เฉพาะกัมพูชาของเราก็ปรับกำลังเช่นกัน ขณะเดียวกันเราก็พร้อมรับมือเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปะทะแบบไหนเราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน อย่างที่เคยบอกว่ามีเหตุการณ์ก็ต้องเตรียมความพร้อม
.
เมื่อถามว่า มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นำโดยนายสนธิลิ้มทองกุลได้ยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลรักษาอธิปไตยตรงนี้ได้เห็นหนังสือแล้วหรือยังนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รับทราบแล้วแต่ยังไม่ได้เห็นหนังสือ รัฐบาลรับฟังทุกความคิดเห็น ขณะเดียวกันทางกองทัพ ได้วางกำลังดูแลอยู่แล้ว เรารับฟังทุกข้อเสนอ
.
เมื่อถามย้ำว่า ในข้อเรียกร้อง มีเรื่องของ MOU 44 ที่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกตรงนี้จะมีการนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นเป็น MOU 43 หมายความว่าจะเอามาเหมารวมกันหมดเลยใช่หรือไม่ เมื่อถามว่า MOU 44 ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาจะถือโอกาสนำมาพิจารณายกเลิกเลยหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า อันนี้เราขอสื่อสารแบบนี้ว่า เราขอพิจารณาเป็นเรื่องต่อเรื่องไป เหมือนที่ยืนยันกับทางกัมพูชา ขอโฟกัสที่เรื่องข้อพิพาทตรงนี้ ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนกันหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ แต่แน่นอน เรื่องที่ยังมีปัญหาหรือยังไม่จบ ฝ่ายรัฐบาลฝ่ายบริหารต้องพิจารณาดูแลในรายละเอียดอยู่แล้ว
.
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แสดงว่ารัฐบาลจะแก้ทีละปม ทีละจุดใช่หรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ค่ะแก้ทีละปม ทีละจุด
.
ผู้สื่อข่าว ถามต่อว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีไปคุย กับนายฮุนมาเน็ตและ สมเด็จฮุนเซน มีไม้เด็ดอะไรไปคุยต่อรอง ถึงได้ยอมปรับกำลัง นายกรัฐมนตรี ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า คุยตามความจริงใจว่าเรามีความจริงใจแบบนี้และไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน ต้องการความสงบ และไปเร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า เพราะไม่อยากให้มาเป็นสนามรบ
.
ส่วนทางด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีว่า การแก้ไขปัญาชายแดน ไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ในทุกขั้นตอนของการเจรจา แต่รัฐบาลได้ยึดประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนและประเทศเป็นหลัก
.
ทั้งนี้ ผลการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการเจรจาซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการให้พื้นที่ ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเช่นเมื่อปี 2567 โดยรัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินการตามการเจรจาของรัฐบาลไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยได้กลบคืน“คูเลต”(แนวสนามเพลาะ) คืนสู่สภาพเดิมและปรับกำลังกลับไปอยู่ในที่ตั้งเดิม ทั้งนี้ รัฐบาล พร้อมร่วมประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (Joint Boundary Commission – JBC) ในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน นี้
.
นายจิรายุ กล่าวต่อไป ว่าพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยืนยัน ว่าประเทศไทยยืนยันไม่รับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ( ICJ ) หรือศาลโลก ส่วนการแก้ไขปัญหาชายแดนได้เสนอให้ ไม่มีการปิดด่านถาวร โดยเน้นหลักการ เรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยได้ลำดับความสำคัญ เช่น การจำกัดคนเข้า-ออก จำกัดเวลาปิด การปิดบางจุด หรือปิดตลอดแนว ตามสถานการณ์ความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายสำคัญให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย
.
#พรรคเพื่อไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

โฉมใหม่ “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” สมัครผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้
อ่านต่อ
วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เนื่องในพิธีเปิดโครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
อ่านต่อ