‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ แจงการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 2568 โดยนำงบประมาณที่กรรมาธิการปรับลด จำนวน 35,000 ล้านบาท ไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โครงการเงินหมื่น) ไม่เข้าข่ายข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ตามที่มีการร้องเรียนเอาผิดแก่ ครม. สส. สว. และอื่นๆ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า ข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ห้ามแปรญัตติปรับลดหรือตัดทอนรายการเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย รายการทั้งสามนี้ เรียกว่ารายการงบประมาณเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ เป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และหนี้ของรัฐวิสาหกิจ รวมเจ็ดหน่วยงาน เป็นหนี้สาธารณะที่บังคับให้รัฐต้องตั้งงบประมาณชดใช้ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ จะเอาแต่กู้แต่ไม่ใช้คืนประเทศก็จะล้มละลาย รายการทั้งสามนี้จึงห้ามกรรมาธิการปรับลดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคแรก

.

สำหรับรายการส่วนที่ปรับลดไป 35,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณในส่วนที่กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจห้าแห่งได้ทบทวนงบประมาณในส่วนที่สามารถชะลอการดำเนินการได้ และเป็นงบประมาณในส่วนของการชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐอันเกิดจากโครงการของรัฐบาล ซึ่งรัฐต้องรับภาระชดเชยให้ โดยสามารถที่จะมียอดค้างได้ ทั้งหมดรวมกันไม่เกินร้อยละสามสิบสองของงบประมาณแผ่นดิน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด

.

ดังนั้น งบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่นำไปใช้ในโครงการ Digital Wallet (หนึ่งหมื่นบาท) ที่เป็นประเด็นร้องเรียน จึงมิใช่งบประมาณชำระหนี้ภาครัฐ ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ห้ามแตะต้องแต่อย่างใด เท่าที่ตรวจสอบดู การแปรญัตติตอนจัดทำงบประมาณปี2565 ก็ดำเนินการทำนองนี้เช่นกัน

.

หลักการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง มีมานานแล้ว สาระสำคัญคือห้าม สส. แปรญัตติรายจ่ายตามที่มีข้อผูกพัน มีหลักการสำคัญที่มิให้ฝายนิติบัญญัติเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายจ่ายในโครงการที่มิได้เสนอโดยฝ่ายบริหาร ส่วนหลักการตามมาตรา 144 วรรคสอง มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 , 2550 เพียงแต่รัฐธรรมนูญ 2560 เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้นตามที่พยายามร้องเรียนเอา ครม. สส. สว. ทั้งสภาให้สิ้นสุดสมาชิกภาพไป

.

#พรรคเพื่อไทย #ชูศักดิ์