วันที่ 1 – 8 มิถุนายน 2568 นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น  ได้เดินทางเยือนประเทศออสเตรเลีย ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยและสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขยายความสัมพันธ์การค้าการลงทุน และทำความเข้าใจเรื่องนโยบายการต่างประเทศระหว่างสองประเทศ

ออสเตรเลียถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมพลังงาน เกษตรคุณภาพ และการออกกฏหมายที่ก้าวทันโลกที่เราสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้  ซึ่งรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรมุ่งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ออสเตรเลียที่มีอย่างแน่นแฟ้นให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในมิติการค้าและการลงทุน

.

ในขณะเดียวกัน ออสเตรเลียก็มีนโยบายมุ่งเน้นกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคอาเซียนอย่างสร้างสรรค์ โดยตั้งเป้าเพิ่มเม็ดเงินลงทุน เพิ่มยอดการซื้อขายผ่านการตกลงการค้า AANZFTA (ASEAN- Australia, New Zealand FTA) ซึ่งถือเป็นโอกาสดีและสำคัญอีกหนึ่งตลาดที่รัฐบาลไทยควรให้ความสำคัญ และควรมีนโยบายที่ชัดเจน เพราะสินค้าไทยเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดออสเตรเลีย

.

การเดินทางครั้งนี้ นางสาวสรัสนันท์ได้ไปเยือนนครซิดนีย์  กรุงแคนเบอร์รา และรัฐแทสมาเนีย โดยเข้าพบกว่า 20 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐภาคเอกชน นักการเมือง และแวดวงนักวิชาการ เช่น 

– SBS สถานีโทรทัศน์ของรัฐ ที่มุ่งเน้นสื่อสารกับประชาชนอย่างถูกต้อง และเข้าถึงประชาชนหลากหลายกลุ่มเชื้อชาติ

– eSafety Commisioner หน่วยงานอิสระที่กํากับดูแลความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ช่วยและส่งเสริมให้ชาวออสเตรเลียทุกคนปลอดภัยจากอันตรายทางออนไลน์ และให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ปลอดภัยและเป็นบวกมากขึ้น ถือเป็นหน่วยงานที่ออกกฏหมายก้าวหน้าที่สุดในโลกที่หนึ่งค่ะ

– กระทรวง Home Affairs กำกับดูแลเรื่องความมั่นคงภายในและการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีปัจจุบันออสเตรเลียมีนโยบายคุมเข้มและกระทบกับนักเรียนนักศึกษาคนไทยที่เดินทางเข้าออกประเทศ จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลไทยต้องทำงานอย่างใกล้ชิด

– Electoral Commission หรือ กกต. 

– Export Finance 

– กระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT)

– นักการเมืองระดับประเทศ ประธานสภาแห่งรัฐ NSW และ Tasmania

– สถาบัน Lowy Institute, คณะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง

นางสาวสรัสนันท์กล่าวทิ้งท้ายว่า  “ประเทศไทยและออสเตรเลียมีศักยภาพที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกันได้อีกมากเพียงแต่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและศึกษากันอย่างจริงจัง ภาครัฐควรเป็นตัวกลางและสนับสนุนภาคเอกชนให้เข้าถึงกันมากขึ้น ควรวางนโยบายที่ชัดเจน จึงจะสามารถทำประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ”