นายกฯ สั่งการ 7 ด้านรับมือทุกมิติ  ทั้งสถานการณ์โลกและชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำรองนายก ฯ และรมต.ทุกกระทรวงร่วมกันติดตามและวางแผนรับมือด่วน

ทั้งแก้ปัญหาแก๊งคอลฯ พลังงาน หนี้สินประชาชน ค่าแรง ฯ ท่องเที่ยว ราคาพืชผลฯ และยาเสพติด พร้อมสั่งการ สธ. เร่งดำเนินการพิจารณาดึงกัญชากลับมาเพื่อการแพทย์ เท่านั้นลด ปชช. เสี่ยงติดยาเสพติด

.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า จากสถานการณ์ระหว่างประเทศที่กระทบต่อประเทศไทย ไม่ว่าเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านและอิสราเอล  ย่อมมีผลที่อาจจะขยายเป็นวงกว้างในโลก โดยยังไม่มีเวลาการยุติความขัดแย้งอย่างชัดเจน  ทำให้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาของหลายประเทศ ต่อนโยบาย Reciprocal Tariff ของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดกรอบระยะเวลา 90 วัน ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม นี้   ซึ่งฝ่ายไทยได้เริ่มการเจรจาแล้ว 1 รอบ ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

.

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าว ย่อมส่งผลถึงเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าเป็นผลจากปริมาณและราคาพลังงาน การเงิน การคมนาคมและการท่องเที่ยว ที่จะส่งผลถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย และความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นอย่างมาก

.

ส่วนสถานการณ์ชายแดนกัมพูชา ขอให้คณะรัฐมนตรีทุกท่าน ร่วมกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  พร้อมทั้งเตรียมหามาตรการรองรับในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระทบกระเทือนพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด   

.

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า สถานการณ์เช่นนี้ เสถียรภาพของรัฐบาล และความสามัคคีภายในประเทศของคนในชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด  ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านต้องใกล้ชิดประชาชน สร้างความมั่นใจ และแก้ไขปัญหา ให้ทันการณ์ โดยมีปัญหาสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการดำเนินการได้แก่

.

1.) ปัญหาด้านภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรม ข้ามประเทศ Transnational crimes ตามรายงานของ UNODC (UN on Drugs and Crime) ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้หารือเมื่อวาน  ทั้งฝ่ายความมั่นคง การต่างประเทศ ด้านสื่อสารประชาสัมพันธ์ ที่นายภูมิธรรมฯ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยรัฐบาลขอย้ำถึงการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุข สำหรับประชาชนทั้งสองฝ่ายโดยเร็ว

.

2.) ปัญหาด้านความมั่นคงพลังงาน มอบให้ นายพีระพันธุ์  ฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับผิดชอบในการกำหนดมาตรการเตรียมพร้อม รับมือสำหรับพลังงานสำรอง และมาตรการช่วยเหลือประชาชน หากมีภาวะขาดแคลนหรือมีราคาที่สูงขึ้น

.

3.) ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และการเงิน การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน มอบหมายให้  นายพิชัย ฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ หารือหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน กำหนดมาตรการและเป้าหมายที่ชัดเจน

.

4.) ปัญหาราคาพืชผลเกษตร มอบให้นายพิชัยฯ รองนายกฯ และ รวม. กค. หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยเฉพาะราคาข้าว ที่จะต้องเร่งสรุปมาตรการเยียวยาแก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงปัญหาการลักลอบนำเข้า สินค้าเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ราคาพืชผลเกษตรภายในประเทศตกต่ำโดยขอให้กรมศุลกากร สรุปปัญหา และมาตรการในการแก้ไขปัญหา มาเสนอพร้อม กับมาตรการยกระดับราคาพืชผลเกษตรภายในสัปดาห์หน้า

.

5.) ปัญหายาเสพติด มอบให้ นายภูมิธรรมฯ รอง นรม. และ รมว.กลาโหม  เตรียมจัดการประชุมด่วนระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจทุกจังหวัด เพื่อมอบนโยบายและกำชับมาตรการที่เป็นรูปธรรม โดยจะต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ขยายผล ต่อเนื่องจากมาตรการ Seal Stop Safe ภายในสัปดาห์หน้านี้

.

6.) ปัญหาการท่องเที่ยว ที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของการสร้างรายได้ และกระจายรายได้ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวๆ เร่งปรับมาตรการกระตุ้น ท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มาเสนอภายในสัปดาห์หน้า โดยขอให้เน้นย้ำการเสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่เป็นรูปธรรมและเห็นผลได้ อย่างรวดเร็ว

.

7.) ปัญหาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ มอบให้กระทรวงแรงงาน เร่งนำมาตรการ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นำมาพิจารณาใน ครม. สัปดาห์หน้า เพื่อให้ทันขึ้นค่าแรงในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้

.

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการเรื่อง ปัญหา”กัญชาเสรี“ ดังนี้ จากการที่รัฐบาลมีนโยบายในการปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดมาอย่างต่อเนื่อง  ที่ส่งกระทบต่อประชาชนในสังคมไทย   อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พบว่ามีการนำเอากัญชาออกจากบัญชีสารเสพติด ทำให้มีการเปิดร้านค้าหลายประเภท ที่มีวัตถุประสงค์ทั้งการสันทนาการ และเพื่อการแพทย์ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด ทำให้เด็กและเยาวชนประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย

.

จึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งศึกษาถึงมาตรการในการควบคุม กัญชาให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยขอให้เน้นการใช้“กัญชาเพื่อการแพทย์”เท่านั้น เพื่อไม่ให้ประชาชน และเยาวชนในสังคมต้องมัวเมาติดสารเสพติดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้ ให้พิจารณาว่าจะปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชาอย่างไร ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย #ปราบยาเสพติด #ชายแดนไทยกัมพูชา #อิสราเอลอิหร่าน