‘มาริษ’ ตอกย้ำแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์บนเวทีอาเซียน หลายประเทศ พร้อมร่วมมือลดผลกระทบชีวิต-บั่นทอนสังคม-ความมั่นคงเศรษฐกิจ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 ได้เน้นย้ำจุดเด่นสำคัญ ของกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting and Related Meetings: AMM/PMC) คือ อำนาจในการชักจูง (Convening Power) ให้ประเทศต่าง ๆ เดินทางมารวมตัว เพื่อการหารือกันในช่วงเวลาอันสำคัญเช่นนี้ โดย อาเซียนได้หารือกับประเทศจีน, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อินเดีย นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสำหรับตนเอง ก็ได้มีโอกาสทำหน้าที่ประธานร่วมของการประชุมอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN–ROK) ในฐานะผู้ประสานงานประเทศคู่เจรจา (Country Coordinator)
.
สำหรับสองประเด็นสำคัญที่ไทยได้หยิบยกขึ้นหารือกับประเทศคู่เจรจาในการประชุมนั้น นายมาริษ ได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรง หลายประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา รัสเซีย เกาหลีใต้ เป็นต้น เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนประเทศต่าง ๆ หลายล้านคนทั่วโลก บั่นทอนความปลอดภัยทางสังคม ลดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และกระทบต่อวิถีชีวิต ซึ่งประเทศต่าง ๆ ล้วนย้ำความสำคัญของการเพิ่มความร่วมมือในประเด็นนี้อย่างจริงจัง
.
นายมาริษ ยังได้หยิบยกประเด็นความมุ่งมั่นของอาเซียน ต่อการรักษาไว้ซึ่งระบบการค้าที่เสรี มีความยุติธรรม เปิดกว้าง และมีกติกา ภายใต้ระบบพหุภาคีนิยม ซึ่งตนได้ยืนยันว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนทุกประเทศ เพื่อรับมือกับข้อกังวลด้านการค้าเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิเศรษฐศาสตร์โลก เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และการให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสีเขียว
.
นายมาริษ ในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน–เกาหลีใต้ และประธานของการเจรจาความตกลงว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ยังได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทย ที่จะบรรลุผลการเจรจาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับบทบาทของอาเซียนในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและดิจิทัลของภูมิภาค ปัจจุบัน อาเซียนมีมูลค่า GDP รวมกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประชากรกว่า 660 ล้านคน ที่เชื่อมต่อกันทางดิจิทัลและมีบทบาททางเศรษฐกิจ ซึ่งความตกลงฉบับนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในระดับโลก
.
#พรรคเพื่อไทย
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘ดนุพร’ เรียก 7 บริษัทในตลาดหุ้น ให้ข้อมูลเอี่ยวสแกมเมอร์ เชิญ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมสอบ
อ่านต่อ
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบน x ตั้งคำถามถึง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐบาลไทย ไปลงนามกับสหรัฐฯ โดยมีข้อกังวลว่าไทยได้ประโยชน์อะไรจาก MOU ฉบับนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การไปลงนาม MOU ดังกล่าวโดยไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาก่อนนั้นอาจขาดความรอบคอบ รัดกุม เสี่ยงต่อการเสียอำนาจการต่อรอง และหากลงนามกันแต่บอกว่าไม่ผูกพันยิ่งทำให้ประเทศเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก โดยนายศึกษิษฏ์ ได้เขียนข้อความดังนี้
อ่านต่อ
ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 กรณีที่รัฐบาลไทยนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนามร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรื่องแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธ ว่านายกรัฐมนตรีไทยไปทำเรื่องใหญ่ที่สร้างความตกใจให้คนทั้งประเทศ ด้วยการปิดบังไปลงนาม MOU ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อรัฐธรรมนูญ
อ่านต่อ







