การเจรจาภาษีสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่นานาประเทศ ต่างต้องเข้าเจรจากับสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อที่จะถูกเก็บภาษีสูงถึง 36% 

.

โดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ต่างมองว่าการเดินเกมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจโลกครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นโยบายเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเอง จนไปถึง การย้ายฐานการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยี จนถึงการพัฒนาศักยภาพแรงงานของแต่ละประเทศ

.

วันนี้ (1 สิงหาคม 2568) ผลการเจรจาของนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้ข้อยุติ บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาได้เกือบทั้งหมด เราเริ่มเห็นตัวเลขภาษีที่ไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละภูมิภาค เช่นไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาเซียนก็มีตัวเลขอัตราภาษีที่ 19% ใกล้เคียงกับกัมพูชาและมาเลเซีย 

.

หากพิจารณาดูแล้ว ข้อเสนอที่ประเทศต่างๆ นำเข้าเจรจาอัตราภาษีกับสหรัฐฯ ล้วนเป็น…

– การเปิดตลาดการค้าใหม่ที่สหรัฐฯ​ สนใจในประเทศนั้นๆ  

– ลดกำแพงภาษีของประเทศนั้นๆ ให้กับสินค้าสหรัฐฯ 

– เจรจาตกลงซื้อสินค้าสำคัญที่สหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มสินค้าพลังงาน ไปจนถึงกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมนวัตกรรม เช่น ยานยนต์ และ อากาศยาน 

.

สำหรับประเทศหรือกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มักจะมีความตกลงเพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ประกาศการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นการดึงฐานการผลิตและสร้างงานเป็นจำนวนมากให้กับชาวอเมริกัน

.

ด้านประเทศไทยเราเอง จริงที่เราได้เสนอเปิดตลาดกว่าหมื่นรายการให้กับสินค้าสหรัฐฯ แต่ส่วนใหญ่แล้ว รายกว่ามากกว่าครึ่งนึงนั้นเป็นสินค้าที่ไทยให้อัตราภาษีต่ำ หรือ 0% อยู่แล้ว จึงไม่ต่างอะไรกับการทำ FTA กับประเทศหรือกลุ่มอื่นๆ ที่เคยทำมา

.

โดยกรอบการเจรจาครั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ได้พูดคุยกับทุกหน่วยงานมากกว่า 50 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งทุกรายการนั้นได้มีการมีวิเคราะห์กันอย่างดีว่าจะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ อย่างไรก็ดี การเจรจาครั้งนี้ ยังไม่จบ ยังต้องมีการเจรจาหารือเพิ่มเติมในเนื้อหาต่อ 

.

อนึ่ง การเจรจาและตัวเลขภาษี รวมถึงมาตรการภาษีที่เปิดเผยขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ประเทศไทยและทีมไทยแลนด์ ยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อผสานสร้างข้อตกลง และยืนยันในการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของชาติไว้

.

19% ปิดดีลครั้งนี้ จึงถือเป็นการเน้นย้ำความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและอเมริกา รวมถึงเป็นการปรับข้อกฎหมายที่เคยเป็นอุปสรรคให้มีประสิทธิภาพ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

#พรรคเพื่อไทย #ภาษีการค้า #ReciprocalTariff #เจรจาสหรัฐฯ #เศรษฐกิจไทย