มาริษโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ หลังถูกบิดคำพูด ย้ำไทยเดินหน้าร้องเวทีโลก ปมกับระเบิด-โจมตีพลเรือน เคารพหยุดยิง 13 ข้อ
วันที่ 9 สิงหาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมติดตามการประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับบ้านได้อย่างมั่นใจ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการหยุดยิงและปูทางสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
นายมาริษระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศยังคงเดินหน้าร้องเรียนต่อสหประชาชาติและประชาคมโลกในสองประเด็นหลัก ได้แก่ การวางทุ่นระเบิดของกองทัพกัมพูชาในดินแดนของไทย และการโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย ซึ่งทำให้ประชาชนและทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะกรณีทหารเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมย้ำว่า
“ไทยเคารพและพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงทั้ง 13 ข้อ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญเพื่อนำไปสู่ความสงบสันติในภูมิภาค แต่ความสูญเสียต่อพลเรือนที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องเกิดความรับผิดชอบ จึงต้องเดินหน้าการทำงานในสองส่วนนี้คู่ขนานกันไป”
นอกจากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ นายมาริษยังกล่าวถึงกรณีที่มีสื่อบางแห่งนำคำพูดของ ดร.วิเวียน บาลากริชนาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ไปบิดเบือน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการตั้งคำถามต่อภาวะผู้นำ โดยชี้ว่า ตนไม่สบายใจตั้งแต่แรก เพราะการแสดงความเห็นในประเด็นละเอียดอ่อนเช่นนี้อาจถูกนำไปใช้โจมตีทางการเมือง จึงได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวิเวียนเพื่อแสดงความห่วงกังวล ซึ่งนายวิเวียนก็ยอมรับและอนุญาตให้ตนชี้แจงกับสื่อหลัก เนื่องจากข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดบนสื่อสังคมออนไลน์
นายมาริษอธิบายว่า ข้อความต้นฉบับของนายวิเวียนไม่ได้มีเจตนาวิจารณ์ภาวะผู้นำของบุคคลใด แต่เป็นการสื่อว่าต้องการเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการแก้ไขปัญหาจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อภาวะผู้นำไม่ได้ถูกขัดขวางจากปัจจัยใดๆ และหากมีอุปสรรคก็จะทำให้การแก้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้น
“สิ่งที่นายวิเวียนพูดคืออยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงได้อย่างสมบูรณ์” นายมาริษกล่าวย้ำ
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘ดนุพร’ เรียก 7 บริษัทในตลาดหุ้น ให้ข้อมูลเอี่ยวสแกมเมอร์ เชิญ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมสอบ
อ่านต่อ
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบน x ตั้งคำถามถึง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐบาลไทย ไปลงนามกับสหรัฐฯ โดยมีข้อกังวลว่าไทยได้ประโยชน์อะไรจาก MOU ฉบับนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การไปลงนาม MOU ดังกล่าวโดยไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาก่อนนั้นอาจขาดความรอบคอบ รัดกุม เสี่ยงต่อการเสียอำนาจการต่อรอง และหากลงนามกันแต่บอกว่าไม่ผูกพันยิ่งทำให้ประเทศเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก โดยนายศึกษิษฏ์ ได้เขียนข้อความดังนี้
อ่านต่อ
ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 กรณีที่รัฐบาลไทยนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนามร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรื่องแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธ ว่านายกรัฐมนตรีไทยไปทำเรื่องใหญ่ที่สร้างความตกใจให้คนทั้งประเทศ ด้วยการปิดบังไปลงนาม MOU ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อรัฐธรรมนูญ
อ่านต่อ