พร้อมกันนี้ นายก่อแก้วได้ขอไว้อาลัยต่อการยึดอำนาจทุกครั้งที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า “ผู้ที่สมควรติดคุก คือผู้ที่กระทำการรัฐประหาร ไม่ใช่ผู้ที่ถูกรัฐประหาร หรือผู้ที่ต่อต้านรัฐประหาร!”  

.

“เมื่อ 19 ปีที่แล้ว วันที่ 19 กันยายน 2549 ประเทศไทยถูกฉีกออกจากเส้นทางประชาธิปไตย

พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน นำคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตรนี่คือรัฐประหารที่กลายเป็นจุดเริ่มต้น

ทำให้ประเทศไทยถดถอยมาจนถึงทุกวันนี้

.

จากประเทศที่เพิ่งฟื้นคืนพลัง หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ. 2540 ที่เริ่มจากไทยและลุกลามทั้งเอเชีย

ดร.ทักษิณ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีพาประเทศกลับมายืนได้ สร้างความหวัง ความสุข และความเชื่อมั่นให้ประชาชน จนสื่อมวลชนนานาชาติประเมินว่า “ไทยอาจก้าวเป็นเสือตัวที่ 5” รองจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ แต่การยึดอำนาจครั้งนั้น ทำลายทุกสิ่งทำลายอนาคตของประเทศไทยให้พังสลายลง 

.

และเมื่อถึงปี 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง ยิ่งตอกย้ำความถดถอย ลากประเทศให้ติดหล่มยาวนานจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่ 19 กันยา 2549 ประชาธิปไตยไทยไม่เหมือนเดิม เส้นทางกลับคืนเป็นเรื่องยากเย็น

แต่เราต้องไม่สิ้นหวัง ประชาธิปไตยแบบสากลจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อฝ่ายเสรีนิยม-ประชาธิปไตย

ร่วมแรงร่วมใจ ทั้งในสภาและนอกสภา ต่อสู้ ผลักดัน อย่างจริงใจ และที่สำคัญ ต้องไม่หลงเชื่อเกมลับลวงพรางของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและอำนาจนิยม เพราะพวกเขาพร้อมจะใช้กลทุกชนิด

ทำให้เราแยกไม่ออกว่าใครคือมิตร ใครคือศัตรู หากพลาดเพียงครั้งเดียว เราจะต้องต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยไปตลอดชีวิต โดยไม่เคยสัมฤทธิ์ผลเลย

.

ขอไว้อาลัยต่อการยึดอำนาจทุกครั้งที่ผ่านมา ผู้ที่สมควรติดคุก คือผู้ที่กระทำการรัฐประหาร

ไม่ใช่ผู้ที่ถูกรัฐประหาร หรือผู้ที่ต่อต้านรัฐประหาร!”

.

#รักประชาธิปไตย

#เกลียดการรัฐประหาร