‘วรวัจน์’ ชี้เปิดช่องนำเข้าพืช GMO GEd ทำลายราคาสินค้าเกษตร สูญรายได้มหาศาล เตรียมยื่นร้องหลายช่อง

วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภาในการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายว่า 15 ปีที่ผ่านมา เงินที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าของเกษตรกรไทย ถูกสูบออกไปเหมือนเราถูกใช้เป็นตู้เอทีเอ็มของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ หรือทุนใหญ่ในประเทศปีละกว่า 60,000 ล้านบาท นี่ไม่ใช่ตัวเลขเล่นๆ แต่มันคือเลือดเนื้อ น้ำพักน้ำแรง และอนาคตของลูกหลานคนไทย ที่ถูกสูบเลือดสูบเนื้อในชื่อสวยหรูว่า ‘การพัฒนาเพื่ออุตสาหกรรม’ 

.

โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นเมื่อปี 53 พรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เข้าร่วมรัฐบาล ได้ส่งนายศุภชัย โพธิ์สุ ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นคนเซ็นประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10/2553 ซึ่งปรากฏว่า ขัดต่อ พ.ร.บ.กักพืชปี 2507 ที่เป็นกฎหมายแม่อย่างชัดเจน เพราะว่า พ.ร.บ.กักพืช ห้ามนําเข้าพืชตัดต่อพันธุกรรมเข้ามาภายในประเทศไทยอนุญาตให้นําเข้ามาได้เฉพาะเพื่อการวิจัยและการทดลองเท่านั้น 

.

นายวรวัจน์ กล่าวว่า ประกาศฉบับนั้นอนุญาตให้นําเข้าพืชตัดต่อพันธุกรรมเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมได้ จึงเป็นการเปิดประตูอย่างผิดกฎหมาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นความหายนะของเกษตรกรไทย ที่ทําให้เงินทุนไทยและเงินของเกษตรกรไทยรั่วไหลเกินกว่า 900,000 ล้านบาทใน 15 ปีที่ผ่านมา 

.

วันนี้กระบอกสูบที่แข็งแรงอันที่ 2 ถูกยื่นออกมาสูบเลือดสูบเนื้อของพี่น้องเกษตรกรไทยอีกครั้งหนึ่ง เป็นพืชตัดต่อพันธุกรรมที่ชื่อ Genome Edited โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เซ็นประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 11/07/2567 เรื่องการรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร ซึ่งก็คือ พันธุกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.กักพืชปี 2507 อย่างชัดเจน 

.

พูดให้ชัดๆ ก็คือ ข้าวโพด ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้ปีละ 9 ล้านตัน แต่พี่น้องเกษตรกร ผลิตได้เพียง 5 ล้านตัน จริงๆแล้วราคาจะต้องขึ้นไปสูงกว่านี้เพราะขาดแคลน แต่มีการนําเข้าพืช GMO เพื่ออุตสาหกรรม อีกประมาณปีละ 2.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีถั่วเหลือง ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้ปีละ 2 ล้านตัน แต่เกษตรกรผลิตได้เพียง 110,000 ตัน จึงมีการนําเข้าพืช GMO อีกประมาณ 1.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และยังมีการนําเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นอื่นอีกประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนั้น เรายังต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์อีกกว่า 5,000 ล้านบาท รวมแล้วมากกว่า 60,00-70,000 ล้านบาทต่อปี 

.

เงินเหล่านี้ถูกดูดออกจากกระเป๋าของพี่น้องเกษตรกรไทย เหมือนเปิดเครื่องสูบพญานาคขนาดยักษ์ให้ต่างชาติมาสูบกินเลือดเนื้อเกษตรกรไทย แล้วผลลัพธ์คือ ราคาข้าวโพดไทย ตกต่ําเหลือเพียงกิโลกรัมละ 7-8 บาท ทั้งที่ขาดแคลนและควรจะขายได้ไม่ต่ำกว่า 15 บาท มันสําปะหลังไทย ราคาตกขายไม่ออก ถั่วเหลือง ถูกกดราคา แม้แต่ข้าวก็ยังตกต่ำ เพราะนายทุนไปนําเข้าพืช GMO มาทดแทนพืชกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ทําให้พี่น้องเกษตรกร ขาดทุน ขายสินค้าเกษตรไม่ได้ราคา หนี้สินพุ่งไม่หยุด ทำให้ 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียแล้วเกินกว่า 900,000 ล้านบาท 

.

เราจะไม่ลืมว่าใครเปิดประตูนําเข้าพืช GMO ในปี 2553 ใครมีส่วนเกี่ยวข้อง และใครกําลังจะเปิดประตูเพื่อตัดต่อพันธุกรรมที่ชื่อ Gonome Edited ในวันนี้ ควรหยุดการสูบเลือดสูบเนื้อเกษตรกรไทย 

.

“นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางกฎหมาย แต่มันคือสงครามเพื่อเอาชีวิตรอดของประเทศ และเป็นการทวงคืนอนาคตของเกษตรกรไทย ประเทศไทยไม่ใช่ห้องทดลองของบริษัทข้ามชาติ และเกษตรกรไทยไม่ได้เป็นหนูทดลองให้ใครหลอกขายพืชตัดต่อพันธุกรรมอีก”

.

“หากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล มีความห่วงใยเกษตรกรจริงอย่างที่ปากพูด ต้องยกเลิกประกาศอัปยศเหล่านี้ทันที มิเช่นนั้นท่านอย่าคาดหวังเลยว่าเกษตรกรไทยมากกว่า 30 ล้านคนจะไว้วางใจให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี และให้ท่านทํานโยบายที่สูบเลือดสูบเนื้อดูดกินถึงกระดูกพี่น้องเกษตรกรไทยอีกต่อไป” 

.

ทั้งนี้ นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า จะยื่นร้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยด่วน ซึ่งหากพบการกระทำผิด ให้ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณา และเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความผิดจริยธรรมร้ายแรง และดำเนินการถอดถอนผู้ถูกร้องจากตำแหน่ง พร้อมตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10 พ.ศ.2553 

.

นอกจากนี้จะฟ้องศาลจังหวัด เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ (ทั้งรายบุคคลและในรูปแบบกลุ่ม) ให้ศาลพิจารณาสั่งให้รัฐหยุดการดำเนินนโยบายหรือประกาศที่ก่อให้เกิดความเสียหายซ้ำซ้อน เพื่อห้ามนำเข้าสินค้า GMO และ GEd โดยมิชอบ 

.

และจะร้องศาลปกครอง ให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 10 พ.ศ.2553 ให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายแก่โจทย์พร้อมดอกเบี้ย รวมถึงมีคำสั่งคุ้มครองห้ามจำเลยนำเข้าพืช GMO และ GEd อีกต่อไป 

.

ยังมีศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยการกระทำของผู้ถูกร้องว่า เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีมูล ให้มีคำสั่งถอดถอนผู้ถูกร้องจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ

.

#พรรคเพื่อไทย #วรวัจน์เอื้ออภิญญกุล #อภิปรายนโยบายรัฐบาล