‘จุลพันธ์’ ลุกอภิปราย อย่าอ้อมแอ้ม! สานต่อนโยบายเพื่อไทย ชวนจับตางบ 69 ส่อโยกมโหฬาร จี้สอบหลุมยุบกลางกรุง ไม่ให้เกิดข้อครหา เหมือนรัฐสภาหมื่นล้าน

วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาพรรคเพื่อไทย ร่วมอภิรายการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายว่า เราอยู่ในรัฐบาลมาจากความผิดปกติในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ยึดโยงเสียงข้างมาก โดยมีพรรคฝ่ายค้านยกมือให้ แต่ไม่ไปร่วมเป็น ครม. โดยวันที่ยกมือเลือกนายกฯ มีเสียงสนับสนุน 311 เสียง วันนั้นพูดให้คำมั่นสัญญาว่าต่อไปนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่เป็นองค์ประชุมสภา ตั้งแต่วันเลือกนายกฯ จนถึงวันสิ้นสุดของสภาฯ ทั้งหล่อและฟังดูดี แต่หลังจากนั้นกระบวนในสภาไม่ได้ราบรื่น ซึ่งตอนนี้มี สส.ลงชื่อเป็นองค์ประชุม 282 คน แสดงให้เห็นว่าแม้เป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลเอง ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ 

นายจุลพันธ์กล่าวว่า รัฐบาลเขียนนโยบายด้านเศรษฐกิจมาเพียง 2 หน้ากระดาษ แต่ฟังดูแล้วพูดไม่เต็มปากเต็มคำ พูดอ้อมแอ้ม เพราะเป็นนโยบายจากรัฐบาลชุดที่แล้วของพรรคเพื่อไทย อย่าง แก้ปัญหาหนี้สิน, หวยเกษียณ, G-Token ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี อย่าไปเขินอาย เพราะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่ในขณะเดียวกันนโยบายจากรัฐบาลชุดก่อนหากท่านไม่ชอบ ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะไม่สานต่อ แต่รู้สึกเสียดายแทนโอกาสที่พี่น้องประชาชนจะได้รับ ทั้งเรื่องนโยบาย 20 บาทตลอดสาย นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ บุหรี่ไฟฟ้า บ้านเพื่อคนไทย F1 Tomorrowland เป็นต้น

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า มีความเป็นห่วงอยู่ 2-3 ข้อ คือ 1.ท่านออกตัวอย่างชัดเจนว่าด้วยระยะเวลาที่ท่านมีอยู่อย่างจำกัด และงบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ เรื่องนี้เฟคนิวส์ จริงแค่ครึ่งเดียว เพราะวันที่งบประมาณปี 2569 เข้าสู่การพิจารณาของสภา เรามีรองนายกฯ​ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านเป็นหนึ่งใน ครม.ที่ส่ง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 เข้าสู่สภา การที่ท่านบอกว่าไม่ได้จัดทำนั้นตนรับได้ แต่สิ่งที่สภาต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคืองบประมาณปี 2569 ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป เราต้องจับตาเพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณอย่างมโหฬาร โดยรัฐบาลนายอนุทินทั้งเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโครงการ การเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย ที่หมายและการดำเนินการ หากเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมหรือเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นกับประชาชนเรารับได้

นายจุลพันธ์กล่าวว่า แต่หากเปลี่ยนเพื่อหวังผลทางการเมือง อันนี้น่าเป็นห่วง หรือหากเปลี่ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณกับเสียงที่เลือกท่านมา อันนี้ยิ่งรับไม่ได้ หรือหากเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความทุจริตคอร์รัปชั่น อันนี้เจอกันแน่ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งจะต้องเกิดขึ้น นี่หรือไม่ที่เป็นคำที่มีคนบอกว่าโหวตเลือกเพื่อให้เขาคืนอะไรกลับมาให้ คืนเป็นงบประมาณหรือไม่ เพราะมีการลือกันและพวกตนหูดีว่ามีการพูดถึงตัวเลขงบประมาณ 200 ล้านบาท คืนกลับให้สมาชิกบางท่าน บางกลุ่ม อย่าให้กลไกรัฐสภาและกลไกประชาธิปไตยบิดเบี้ยวไปกว่านี้

“วันนี้กลไกความเป็นพรรคการเมืองไม่เหลือแล้ว พรรคการเมืองอยู่ฝ่ายค้านยกมือให้นายกฯ บางคนบางกลุ่มพาคนไป 3 คน 5 คน ไม่ต้องมีคำว่าพรรคก็ได้ตำแหน่ง ได้ผลตอบแทน ได้งบประมาณ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ระบบรัฐสภาของเราล้มเหลวในระยะยาว” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า เรื่องที่สองที่ตนเป็นห่วงคือคือเรื่องหายนะทางเศรษฐกิจ แน่นอนว่านโยบายที่ท่านจะดำเนินการนั้นมีกรอบระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น การที่ท่านบอกว่าท่านมี 4 เดือนแล้วตั้งเป้าหมายโฟกัสตัวเองอยู่ในกรอบระยะเวลาในการทำงานที่สั้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเห็นตัวอย่างได้ชัด ท่านไปปัดฝุ่นโครงการเก่า เช่น โครงการคนละครึ่งกลับมาใช้ใหม่ การดำเนินการในเรื่องเศรษฐกิจจะละเลยเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวไม่ได้ หากท่านละเลยเป้าหมายระยะกลางและระยะยาว มุ่งเป้าเพียงแค่ระยะสั้นก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเป็นการหาเสียงล่วงหน้า หรือเป็นการตั้งเป้าเพื่อให้ได้คะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งที่จะมาถึงกันแน่

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ หากเราเบี่ยงเบนจากวัตถุประสงค์ของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาวผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับที่ฝังรากลึก และอาจจะเกิดผลกระทบในเชิงลึกในระยะยาวได้ โดยเฉพาะการสอนงานของรัฐบาลชุดเก่าซึ่งประสบความสำเร็จในเรื่องการเจรจากับสหรัฐอเมริกา ในเรื่องของภาษีต่างตอบแทนที่เราได้มา 19%

นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า วันนี้หากดำเนินการได้อย่างดี แก้ไขปัญหาเดินหน้าในการเจรจาได้อย่างครบถ้วน สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์มหาศาล เช่น อินเดียถูกเก็บภาษี 50% จีนถูกเก็บภาษี 55% หากเราเอาช่องว่างทองคำ จะเป็นประโยชน์มหาศาล อย่างเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราส่งออกกุ้งคิดเป็น 30% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก แต่วันนี้เหลือ 10% ภาษีที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้เป็นช่องว่างในการกลับเข้ามาครองตลาดได้อีกครั้ง หากเราสนับสนุนให้ถูกทาง และยังมี ยางพารา ฮาร์ดดิสก์ ระบบคลาวด์ เซิฟเวอร์พัฒนาเอไอ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องวางแผนอย่างรัดกุม

นอกจากนี้ในเรื่องของภาคการเกษตรตนก็มีความเป็นห่วง เนื่องจากนายกฯ ใช้คำหรูบอกว่าเราจะไม่ขายประเทศ เราจะดูแลเกษตรกร แต่วันนี้สิ่งที่ท่านกำลังจะทำเรากำลังจะปกป้องภาคการเกษตร โดยที่เราไม่ได้สนใจในเรื่องที่จะให้พี่น้องภาคการเกษตร ได้เกิดการการปรับตัวเพื่อให้เกิดการแข่งขัน เรากำลังปกป้องหรือกักขังพี่น้องเกษตรกรไว้ในกรงเดิมๆ กันแน่

นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า วันที่มีการโปรดเกล้าฯ นายกฯ และ ครม.ชุดนี้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินทรุดแถวเขตดุสิต พรรคเพื่อไทย.ส่งความเห็นใจไปยังรัฐบาล เราทุกคนเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงอุบัติภัยภัยธรรมชาติ หรือความโชคร้าย แต่สะท้อนถึงสัญญาณเตือนว่ามีความบกพร่อง ในระบบการกำกับดูแลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ และสะท้อนถึงการมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อย่างไร

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า วันนี้แม้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะประกาศว่ารับผิดชอบทั้งหมดแต่เราต้องมาดูว่าความรับผิดชอบในเรื่องของผลกระทบที่เกิดขึ้น ค่าเสียหายที่มากมายมหาศาลที่ตามมานั้น ใครจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งค่าถมดิน ค่าซ่อมอุโมงค์ ค่าคอนกรีต และการซ่อมสถานีตำรวจ ทรัพย์สินและโอกาสของพี่น้องประชาชนที่สูญเสียไป ขอบคุณที่นายกฯลงพื้นที่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ท่านไปก็เกิดคำถามว่าท่านนายกฯไปในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือไปในฐานะของฟากฝั่งบริษัทรับเหมาก่อสร้างกันแน่ เพราะเรารู้กันอยู่ว่าบริเวณนั้นเป็นการร่วมทุนกันของบริษัทใดบ้าง

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า วันที่นายกฯไปวันแรก ท่านบอกว่ากระบวนการซ่อมแซมใช้เวลา 1 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากเรื่องของความผิดพลาดทางวิศวกรรม ทั้งที่กระบวนการในการไปตรวจสอบความเสียหาย และเอาความจริงจากกระบวนการที่เกิดขึ้นยังไม่สำเร็จ วันนั้นทำให้เกิดความคลางแคลงใจจากสังคมว่านั่นเป็นการตีปลาหน้าไซหรือไม่ เพื่อให้ความรับผิดต่อเอกชนนั้นหายไป ตนไม่ได้กล่าวหาว่าเอกชนเกิดความเลินเล่อหรือเกิดความผิดพลาด แต่สิ่งที่จะต้องเกิดคือเราต้องลบภาพเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนให้ได้

“ท่านนายกฯ อาจจะเป็นกรรมของท่านที่ท่านเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาล และเป็นบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างในเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์นี้ลองนึกสภาพว่าหากผลการสอบออกมาว่าเอกชนไม่มีความผิดใดๆ เลยไม่เกิดความประมาทเลินเล่อ เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติฝนตกน้ำท่วม ผมถามว่าคำตอบเช่นนี้สังคมเชื่อหรือไม่ มันจะเกิดความคลางแคลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะเป็นมหากาพย์เหมือนกับอาคารรัฐสภาแห่งนี้ที่จะไม่มีวันจบ ไม่มีวันสิ้น และจะกลับมาแว้งกัดตัวนายกฯ

ผมพูดด้วยความเป็นห่วง วิธีเดียวที่จะเกิดขึ้นและแก้ปัญหานี้ได้คือนายกฯ ท่านต้องสร้างกลไกและสร้างหน่วยงานตรวจสอบที่เป็นอิสระ และประชาชนเชื่อถือได้ อย่าปล่อยให้กรณีที่เกิดขึ้นมาเกี่ยวข้องกับบริษัทในเครือของครอบครัว อย่าให้เกิดเหตุเช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมาท่านจะต้องไปติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและสร้างกลไกที่สังคมรับได้ เมื่อสังคมชอบรับได้จะเป็นทางเดียวที่ท่านจะออกจากความรับผิดจากในเรื่องของความคลางแคลงใจของสังคมต่อกรณีแผ่นดินทรุดได้” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลตนมีความเป็นห่วงและดูแล้วตนขาดความเชื่อมั่นว่านโยบายนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนในระยะกลางและระยะยาวได้ โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

#พรรคเพื่อไทย #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #อภิปรายนโยบายรัฐบาล