“ก่อแก้ว” อภิปรายซัดรัฐบาลอนุทิน “ครม.นอมินีปราสาทสายฟ้า” ตั้งคนใกล้เนวินนั่งเก้าอี้สำคัญ แนะถ้าจะทำขนาดนี้ก็ตั้ง “กระทรวงบุรีรัมย์” ไปเลย
วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยตั้งข้อสังเกตว่า แม้คำแถลงของนายกฯ จะเต็มไปด้วยถ้อยคำสวยหรู แต่กลับขัดแย้งกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้
ก่อแก้วกล่าวว่า นโยบายที่นายอนุทินแถลงมีถ้อยคำที่ดูดี เช่น จะเร่งแก้ปัญหาประเทศ , ยึดมั่นในหลักนิติธรรม , ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด , ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
แต่เมื่อพิจารณาการแต่งตั้งรัฐมนตรี พบว่าหลายคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ขาดศักยภาพ และบางรายยังมีประเด็นที่ถูกตั้งคำถามในสังคม โดยก่อแก้วระบุว่าเป็น “นอมินีของผู้มีอำนาจตัวจริงในพรรคภูมิใจไทย”
● ตัวอย่าง “รัฐบาลนอมินีบุรีรัมย์”
ก่อแก้วยกตัวอย่างการแต่งตั้งบุคคลสำคัญ 3 ราย คือ
- นายโสภณ ซารัมย์ ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ และสังคมยังจำได้ถึงเหตุการณ์ปี 2554 เมื่อบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ถูกปล้นเงินสดกว่า 200 ล้านบาท โดยคนร้ายยืนยันว่าภายในมีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท “ถ้าบ้านปลัดยังมีเงินสดขนาดนี้ บ้านรัฐมนตรีจะมีมากขนาดไหน”
- พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ทั้งที่เป็นเพียงอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และใกล้ชิดครูใหญ่เนวิน ทั้งที่กระทรวงนี้ควรเป็นตำแหน่งของแกนนำหลักในพรรค แต่กลับแต่งตั้งบุคคลภายนอกซึ่งไม่ต้องผูกพันสร้างผลงานให้พรรค ก่อแก้วตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแต่งตั้งเพื่อภารกิจเฉพาะ เช่น “คดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.” ที่แกนนำภูมิใจไทยถูกสอบสวนอยู่
- นายไชยชนก ชิดชอบ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประสบการณ์และศักยภาพ ขณะที่ตำแหน่งนี้ต้องการบุคคลที่ทำงานได้ทันทีเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยเฉพาะการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก๊ง Call Center Scam ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง
ก่อแก้วสรุปว่า “การแต่งตั้งเช่นนี้ไม่ใช่การยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก แต่เป็นระบบอุปถัมภ์เพื่อพวกพ้อง และคำถามเรื่องนิติธรรม
“ถ้าจะตั้งกันแบบนี้ แนะนำให้ตั้ง กระทรวงบุรีรัมย์ ไปเลยดีกว่า ขนาดทะเบียนบ้านนายกฯ ยังอยู่บุรีรัมย์ ก็น่าจะย้ายทำเนียบไปตั้งตรงเขากระโดงให้ชัดเจนไปเลย ไม่ได้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ไม่ดี แต่คนบางคนไม่ควรใช้อำนาจเช่นนี้ เพราะประชาชนไม่สบายใจ”
● คำมั่น “ยึดนิติธรรม” ขัดกับข้อเท็จจริง
ก่อแก้วยังตั้งคำถามถึงคำมั่นที่ว่า “จะยึดมั่นในหลักนิติธรรม” ว่าไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่ดินเขากระโดง ศาลฎีกาตัดสินแล้วว่าต้องยึดคืน แต่รัฐบาลยังยึกยักไม่ดำเนินการ คดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. ที่นายกฯ พูดซ้ำว่า “พวกท่านไม่ได้ทำผิด” ซึ่งเป็นการชี้นำและกดดันเจ้าหน้าที่ การโยกย้ายอธิบดี DSI ที่สร้างปัญหาต่อกระบวนการบริหาร
“ยังกล้าแถลงนโยบายว่าจะยึดหลักนิติธรรม จะยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งได้อย่างไร” ก่อแก้วระบุ
● “อย่าเป็นอนุวิน…กินรวบประเทศ”
ตอนท้าย นายก่อแก้วกล่าวว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่านายอนุทินเป็นคนดี แต่เมื่อเข้าสู่การเมืองกลับไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง พร้อมฝากเตือนว่า
“ถ้าท่านยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง สังคมจะชื่นชม แต่ถ้าปล่อยให้คนอื่นครอบงำ ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของพรรคและพวก สังคมจะประณาม และจะกล่าวขานว่านายกฯ ตัวจริงไม่ใช่ อนุทิน แต่เป็น อนุวิน…กินรวบประเทศ”
#อภิปรายรัฐบาล
#พรรคเพื่อไทย
