‘สุดารัตน์’ ชี้ นโยบายเกษตรฯ รัฐบาลภูมิใจไทย มีแต่เน้นให้ผลิตมากขึ้น เกษตรกรเหนื่อยมากขึ้น แต่ราคาผลผลิตลดลง สรุปเกษตรกรเหนื่อยแต่จนลงกว่าเดิม เพราะรัฐบาลไม่กล้าแก้โครงสร้างที่บิดเบี้ยวและปฏิเสธใช้ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อเพิ่มมูลค่าเกษตรอย่างสร้างสรรค์
นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี ร่วมอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ในประเด็นนโยบายเกษตรกรรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล โดยชี้ว่าปัญหาของเกษตรกรไทยไม่ได้อยู่ที่ทำงานน้อยหรือผลิตภาพต่ำ แต่คือโครงสร้างที่บิดเบี้ยวซึ่งกดทับพี่น้องเกษตรกรมาอย่างยาวนาน แม้จะผลิตได้มากขึ้นแต่กลับขายได้ในราคาที่ผันผวน ขาดอำนาจต่อรอง รายได้ไม่แน่นอน และยังถูกจำกัดอยู่กับการขายวัตถุดิบราคาถูกโดยไร้การแปรรูปและสร้างแบรนด์
.
นางสาวสุดารัตน์ กล่าวว่าปัญหาที่แท้จริงของเกษตรกรไทย ไม่ใช่เรื่องทำงานน้อยเกินไป และ ไม่ใช่เรื่องผลิตภาพต่ำเพียงอย่างเดียว แต่คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่กดทับอยู่มายาวนาน เพราะไม่ว่าเกษตรกรจะเพาะปลูกได้มากเท่าไหร่ ก็ยังติดอยู่กับราคาตลาดโลกที่ผันผวน
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยิ่งพี่น้องชาวเกษตรขยันผลิตมากเท่าไร กลับยิ่งส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาด ราคาพืชผลไม่ได้ตามต้องการเพราะขาดอำนาจต่อรอง
.
แต่จะไม่เพาะปลูกก็ไม่ได้ เนื่องด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดบ่อยขึ้น จากน้ำท่วม ฝนแล้ง ภัยแล้งซ้ำซาก พี่น้องชาวเกษตรกรไม่มีเครื่องมือรองรับ รายได้ปีนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ขาดทุนกำไรคาดการณ์ไม่ได้ แต่ก็ต้องทำต่อไป เพราะถ้าปีนี้ราคาดี ก็จะเสียโอกาสลืมตาอ้าปากไป
และที่สำคัญที่สุด ภาคการเกษตรของไทยยังติดอยู่กับการขายวัตถุดิบในราคาต่ำ ขาดการแปรรูปและการสร้างแบรนด์ ผลผลิตไทยจึงไม่ได้ถูกมองเป็นของพรีเมียมในตลาดโลกและนี่คือ “โครงสร้างที่ผิดพลาด” ไม่ใช่ความผิดของเกษตรกร แต่เป็นความล้มเหลวของระบบนโยบาย
.
นางสาวสุดารัตน์ กล่าวว่าในนโยบายของรัฐบาลภูมิใจไทย เน้นเพิ่มผลิตภาพ แต่ไม่แตะโครงสร้าง ซึ่งในนโยบายเขียนไว้ว่า โดยการ Reskill และ Upskill ซึ่งแน่นอนว่า ตนไม่ปฏิเสธความสำคัญของการพัฒนาทักษะ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าโครงสร้างตลาดยังไม่เป็นธรรม และฟังไปมาก็เหมือนจะแค่บอกให้เกษตรกร ทำให้มากขึ้น
.
แน่นอนว่า เกษตรกรผลิตมากขึ้นจริง ได้ผลผลิตมากขึ้น แต่ราคาที่เกษตรกรขายได้ไม่เคยสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะรัฐบาลไม่ยอมแตะเรื่อง การปฏิรูปห่วงโซ่อุปทาน การตลาด และการแปรรูป
นี่คือการแก้ปัญหาเพียง “ปลายเหตุ” ให้ชาวบ้านทำมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจน
.
นางสาวสุดารัตน์ กล่าวเพิ่มว่านโยบายเกษตรที่พรรคภูมิใจไทยแถลงมานั้นมุ่งแต่เพิ่มผลผลิต แต่ไม่เคยคิดเปิดตลาดใหม่ ในทางกลับกัน ตนนั้นเสียดายนโยบายเกษตรของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกหยุด-ยกเลิกไป ไม่ว่าจะเป็น
.
-การผลักดัน Soft Power อาหารไทย ให้กลายเป็นครัวโลก ไม่ใช่แค่การขายข้าวสาร แต่เป็นการขาย “เมนูอาหาร” “แบรนด์อาหารไทย” ที่มีเรื่องราว มีมูลค่าเพิ่ม
.
-การใช้ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย เชื่อมโยงเข้ากับเกษตร เช่น สุรากลั่นชุมชน การคืนสิทธิให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย สามารถนำผลผลิตท้องถิ่นมาผลิตสุรากลั่นพื้นถิ่น เป็นทั้งเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และโอกาสส่งออก โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับการท่องเที่ยวชุมชน
.
-การเปิดตลาดฮาลาล ที่ควรจะเป็นประตูสู่ผู้บริโภคนับพันล้านคนทั่วโลก กลับไม่ได้รับการผลักดัน
.
-การส่งเสริม การแปรรูป ข้าวให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ผลไม้ให้กลายเป็นของหวานและเครื่องดื่มที่ส่งออกได้
.
-การสร้างแบรนด์ไทยในตลาดโลก จนคนต่างชาติมองว่า “อาหารไทย = คุณภาพ”
.
นี่คือ โอกาสทองที่ประเทศไทยปล่อยให้หลุดลอย อย่างน่าเสียดาย เพราะนี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่นี่คือการยกเกษตรกรไทยขึ้นไปอยู่บนเวทีโลก
.
เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่จะได้ เท่ากับแนวทางของรัฐบาลนี้ให้เกษตรกรไทย ทำงานมากขึ้น แต่ไม่รวยขึ้น ขณะที่ถ้าใช้แนวทางการสร้างมูลค่าควบคู่กับการพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี ราคาที่ได้ย่อมมากขึ้นและเกษตรกร เหนื่อยน้อยลง
.
ยกตัวอย่างง่ายๆ การสร้างมูลค่าสินค้าการเกษตร ประเทศญี่ปุ่นผลิตผลไม้พรีเมียมไม่ใช่เน้นเพียงปริมาณการปลูก แต่คือการสร้างคุณภาพสูงสุด ใช้ฤดูกาลเป็นเครื่องมือสร้างคุณค่า และเชื่อมโยงกับแบรนด์ท้องถิ่น เช่น แอปเปิ้ลที่ดีต้องมาจากอาโอโมริ เมลอนพรีเมียมคือจังหวัดฮอกไกโด เป็นต้น
.
และรัฐทำหน้าที่ช่วยลงทุนทำการตลาดเชิงประสบการณ์และวางตำแหน่งให้เป็นสินค้าหรู ใช้เป็นของขวัญหรือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม สิ่งนี้ทำให้ผลไม้ญี่ปุ่นกลายเป็นสินค้าพรีเมียมที่คนทั้งโลกต้องการ และนี่คือบทเรียนสำคัญที่ประเทศไทยควรนำมาปรับใช้ จากการขายผลผลิตเป็นกิโล ไปสู่การขายเรื่องราว ฤดูกาล และคุณค่าที่แท้จริงของเกษตรไทย
.
ดังนั้น จึงมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลตั้งคำถามต่อรัฐบาลชุดนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า
.
1. ทำไมรัฐบาลไม่กล้าปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมการเกษตร?
2. ทำไมไม่สนับสนุนการสร้างแบรนด์ไทยในตลาดโลก แต่ยังคงมุ่งเน้นเพียงเพิ่มจำนวนผลผลิต?
3. ทำไม Soft Power ที่พูดถึงกันทั่วโลก กลับไม่ถูกนำมาใช้กับเกษตรกรไทยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าอย่างจริงจัง?
.
“ดิฉันจึงขอยืนยันว่า แนวทางที่จะทำให้พี่น้องเกษตรกรจะหลุดพ้นวงจรความยากจนและความไม่แน่นอนได้นั้น ต้องอาศัยการยกระดับโครงสร้างเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน หากรัฐบาลยังคงมองเกษตรกรเป็นเพียง ‘แรงงานผลิตวัตถุดิบ’ โดยไม่เห็นศักยภาพของพวกเขาในฐานะ ‘ผู้สร้างสรรค์มูลค่า’ ดิฉันขอกราบเรียนว่า… ประเทศไทยจะไม่มีวันก้าวข้ามกับดักเกษตรราคาถูกได้เลย” นางสาวสุดารัตน์ กล่าวในที่สุด
.
#พรรคเพื่อไทย #แถลงนโยบายรัฐบาล #เกษตรกร #สุดารัตน์ #ประชุมสภา
