ขัตติยา สวัสดิผล สส. บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวรวม 4 ประเด็น ประกอบด้วย การเปิดแคมเปญ ยกเครื่องเพื่อไทย เครื่องประเทศไทย, ข้อเรียกร้องต่อพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ในการจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญร่วมกัน

5 ต.ค. 2568 ขัตติยา สวัสดิผล สส. บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวรวม 4 ประเด็น ประกอบด้วย การเปิดแคมเปญ ยกเครื่องเพื่อไทย เครื่องประเทศไทย, ข้อเรียกร้องต่อพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ในการจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญร่วมกัน, ข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำประชามติ MOU 43 44 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป และแถลงขอบคุณที่พรรคภูมิใจสานต่อนโยบาย และโครงการต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยวากรากฐานไว้ 

ทั้งนี้ก่อนเข้าประเด็นการแถลงข่าว ขัตติยา เผยว่า วันนี้ ท่านอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้ตัดสินใจยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเปลี่ยนไปลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดอุตรดิตถ์ และพิษณุโลก

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนเป็นลำดับแรก แม้การเมืองเรื่องการเลือกตั้งจะสำคัญเพียงใด แต่เมื่อประชาชนกำลังทุกข์ยาก พรรคเพื่อไทยพร้อมยืนเคียงข้างและลงมือช่วยทันที โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ที่ผ่านมา สส.และคนทำงานของพรรคในพื้นที่ ได้ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งการประสานเครื่องจักรกลเพื่อขุดทางระบายน้ำ การทำแนวกั้นน้ำ การแจกเครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงการดูแลจุดอพยพของพี่น้องประชาชน และวันนี้ การที่หัวหน้าพรรคลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ก็เพื่อยืนยันถึงความตั้งใจอีกครั้ง 

🎯‘ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. น้อมรับทุกคำวิจารณ์ ถอดบทเรียนพัฒนาพรรค

ขัตติยา แถลงข่าวต่อว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาว่า จะยุบสภาภายในระยะเวลา 4 เดือนโดยไม่บิดพลิ้วนั้น ดิฉันในนามพรรคเพื่อไทย ขอยืนยัน ณ วันนี้ว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมเต็มที่ต่อการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตามกำหนดหรือเร็วกว่ากำหนดก็ตาม

โดยในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะเริ่มต้นแคมเปญที่มีชื่อว่า “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ภายในวันนั้น จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค และท่านอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะขึ้นเวทีเพื่อร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้วย

ดิฉันขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่าน ร่วมติดตามกิจกรรมสำคัญนี้ ผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊กและยูทูปของพรรคเพื่อไทย นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าครั้งใหม่ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคเพื่อไทย ที่จะยกเครื่องพรรค และยกเครื่องประเทศไทยไปพร้อมกัน

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่เคยปฏิเสธคำวิจารณ์ เรารับฟังทุกเสียงจากทั้งบุคคลในพรรคและบุคคลภายนอก ทุกคำวิจารณ์สำหรับเราไม่ใช่การตำหนิ แต่คือความปรารถนาดีที่มีต่อพรรค เรากำลังรวบรวมข้อคิดเห็นเหล่านั้น มาศึกษาและถอดบทเรียน เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอในการปรับปรุงพรรคการเมืองที่มีรากฐานยาวนานนี้ ให้สามารถเป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนสามารถฝากความหวังได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

🎯ฟังอนุทินแล้วหวั่นใจ ‘เพื่อไทย’ เรียกร้องสองพรรคคู่รัก MOA ยื่นร่างแก้ไข รธน. ร่วมกัน อย่าปล่อยให้กลายเป็น รธน.แกงส้มต้มประชาชน

ขัตติยา กล่าวต่อถึง กรณีการตอบคำถามของนาย อนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ในวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งมีช่วงหนึ่งระบุถึง ข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นการร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยระบุว่า คำพูดของนายอนุทินทำให้เกิดความน่ากังวล เนื่องจาก ใน MOA ระหว่างส้ม-น้ำเงินนั้น มีการระบุถึงตัวละครทั้งหมด 3 ตัวละครด้วยกัน ที่จะร่วมกันผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ครม., พรรคภูมิใจไทย, และพรรคประชาชน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรีในวันนั้น กลับไม่มีการพูดถึงการเตรียมเสนอร่างของ ครม. เลย อีกทั้งยังเปิดทางให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นเป็นอื่นได้ รวมทั้งการที่ระบุว่า ไม่สามารถที่จะพูดคุยกับ สว. เพื่อให้ร่วมเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ด้วย

เรื่องนี้น่ากังวลใจอย่างยิ่ง เพราะไม่มีสิ่งใดการันตีได้เลยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้ได้มาซึ่ง สสร.ที่มีความยึดโยงกับประชาชน เหมือนที่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเสนอไว้ 

คำพูดของนายอนุทินนั้นทำให้เข้าใจได้ว่า ร่างที่จะผ่านการให้ความเห็นชอบของรัฐสภา อาจจะมีเพียงร่างเดียว คือ ร่างของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น หรือหากผ่านทั้งหมดก็อาจจะมีการใช้ร่างของภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก ซึ่งเป็นร่างที่ไม่มีพี่น้องประชาชนอยู่ในสมการเลย และตอนนี้ร่างของ ครม. ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเสนอมาด้วยหรือไม่

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ถอนร่างเสนอแก้ไขของทั้งสองพรรคออกมาก่อน และให้ทั้งสองพรรคไปพูดคุยกันให้ชัดเจนว่า จะเลือกแนวทางการได้มาซึ่ง สสร. อย่างไร เพราะตอนเซ็น MOA ระบุว่าจะให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งสองพรรคคู่รัก MOA ก็ควรที่จะหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ สสร. มีความเกี่ยวข้องยึดโยงกับประชาชนได้มากที่สุด 

เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญใน MOA อย่าทำเหมือนว่าพวกท่านแยกกันเดิน โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่เชื่อว่าตนเองมีอำนาจต่อรองรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ควรต่อรองเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่เช่นนั้นท่านเองจะถูกครหาได้ว่า อ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการหาเสียงเท่านั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยเองก็ควรไว้หน้าผู้ให้กำเนิดรัฐบาลบ้าง อย่าทำอะไรที่พี่น้องประชาชนเขาดูออกว่า จะเป็นการเดินหน้าสู่ “รัฐธรรมนูญฉบับแกงส้ม ต้มประชาชน” ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ค่อยไปลุ้นเอาทีหลัง 

🎯 เพื่อไทยท้วงอย่าโยนประชาชนตัดสินใจ MOU 43, 44 เรียกร้อง สีหศักดิ์ ลูกหม้อ กต. แสดงจุดยืนให้ชัด ถามหากไม่มีแล้วจะแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างไร

ขัตติยา ตั้งข้อสังเกตต่อท่าทีของรัฐบาลอนุทิน ที่ประกาศจะทำประชามติยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 43) และทางทะเล (MOU 44) ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าจริง ๆ แล้ว อาจเป็นเพียงการผลักภาระทางการเมืองให้ประชาชน ทั้งที่เรื่องนี้รัฐบาลสามารถตัดสินใจเองได้ในฐานะฝ่ายบริหาร 

หากรัฐบาลเห็นว่า MOU ดังกล่าวไม่เหมาะสมก็ควรชี้แจงหลักเหตุผลอย่างชัดเจนพร้อมระบุว่าจะดำเนินการอย่างไร ไม่ใช่ผลักภาระการตัดสินใจไปที่ประชาชน ด้วยการทำประชามติที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความสับสน ทั้งที่เรื่องนี้เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ต้องใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงและความเข้าใจในกฎหมายระหว่างประเทศประกอบค่อนข้างมาก ไม่ใช่ความเห็นเชิงอารมณ์ การจะบอกว่า “ยกเลิก” โดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน อาจทำให้ประเทศไทยเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลก

สิ่งที่น่ากังวลคือ รัฐบาลอนุทินดูเหมือนจะหวังผลความนิยมทางการเมืองมากกว่าการมองประโยชน์ของชาติในระยะยาว จึงอยากตั้งคำถามตรงไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ท่านได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วหรือยัง เนื่องจากความพยายามของพรรคภูมิใจไทยในการยกเลิก MOU 43, 44 นี้จะกระทบโดยตรงต่อจุดยืนและความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีระหว่างประเทศ

รัฐบาลควรรับฟังความเห็นจากกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก เพราะถือเป็นหน่วยงานเจ้าของเรื่องโดยตรง ดิฉันขอเรียกร้องให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวง ออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่า คิดเห็นอย่างไรกับ MOU 43, 44 และหากรัฐบาลมีนโยบายจะยกเลิก MOU ดังกล่าว ก็ขอให้ชี้แจงต่อสาธารณะว่า จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องเขตแดนกับกัมพูชาอย่างไรต่อไป

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติ การปักปันเขตแดนไม่สามารถทำได้ด้วยการใช้อารมณ์หรือกระแสสังคม หากกระทรวงการต่างประเทศไม่ออกมาอธิบายให้ชัดว่า MOU เหล่านี้คืออะไร และจะเกิดผลอย่างไรหากถูกยกเลิก ย่อมอาจทำให้ประชาชนสับสน และประเทศอาจเสียหายอย่างยากจะเรียกคืน

🎯ยินดี รบ.อนุทิน สานต่อผลงาน ย้ำไม่ต้องกังวลถูกกล่าวหา ‘ภูมิใจเคลม’ ถ้าทำแล้วเป็นประโชน์ต่อประชาชน แต่ขอให้ทำอย่าง ‘ตรงปก’

ขัตติยา แถลงถึงประเด็นสุดท้าย กรณีที่รัฐบาลภูมิใจไทย ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งปรากฎว่า ได้มีการสานต่อนโยบายเดิมของรัฐบาลเพื่อไทยหลายนโยบาย หลายโครงการด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นผลดีต่อพี่น้องประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยืดอายุโครงการนำร่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สายสีแดงและสายสีม่วงออกไปอีกสองเดือน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วท่านนายกฯ สามารถสั่งการให้รัฐมนตรีคมนาคม ขอข้อมูลจากข้าราชการมาดูได้ว่าโครงการนี้ดีอย่างไร และใช้งบประมาณไม่มาก หากจะให้ดีท่านสามารถต่ออายุออกไปอีก 1 ปีได้เลย หรือไม่ก็ควรนำโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง ที่รัฐบาลเพื่อไทยได้เดินหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว กลับมาสานต่อ

ส่วนนโยบาย 30 รักษาทุกที่ ทราบว่าท่านตั้งใจจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และสามารถทำได้ เพราะรัฐบาลตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย ก็ได้วางรากฐานไว้หมดแล้ว เช่นเดียวกันกับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้กับประเทศจีนนั้น  รัฐมนตรีศุภจี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้สานต่องานจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนก่อนหน้า ที่ได้เจรจากับทางการจีนไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ได้อย่างดีเยี่ยมและไร้รอยต่อ  เช่นเดียวกับหวยเกษียณที่ประชาชนจำนวนมากกำลังรอคอย   ซึ่งก็หวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อเพื่อจูงใจให้เกิดการออม ในโครงการที่แทบไม่มีใครต้องเสียประโยชน์เลย

ดิฉันอยากบอกกับรัฐบาลว่า ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็น “ภูมิใจเคลม” เพราะท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอเพียงให้รัฐบาลทำงานอย่างตรงไปตรงมา ให้ “ตรงปก” และเดินหน้าสานต่อโครงการที่เป็นประโยชน์โดยไม่สะดุด

#พรรคเพื่อไทย #การแก้ไขรัฐธรรมนูญ #ขัตติยาสวัสดิผล #ประชามติ #MOU43 44 #นโยบายพรรคเพื่อไทย