“ณัฐวุฒิ” แถลงร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข หวังลบแผลการเมืองสองทศวรรษ ล้างประวัติผู้เคลื่อนไหว เพิ่มสิทธิ์เยาวชนร่วมขอพิจารณา
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยในช่วงแรก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ได้แถลงผลการพิจารณาต่อที่ประชุมว่าด้วยสถานการณ์ทางการเมือง การทำงานของกรรมาธิการฯ จำเป็นต้องแข่งขันกับเวลา นำร่างกลับคืนสู่สภาฯ โดยเร็ว วางกรอบทำงาน 2 เดือน มีการแก้ไขเนื้อหาสาระหลายมาตรา
.
สำหรับประเด็นการนิรโทษกรรมที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง กรรมาธิการรับฟังความเห็นและข้อเสนอจากทุกฝ่าย และกำหนดฐานความผิดอย่างครอบคลุม บางประเด็นมีการปรับแก้ เช่น กรณีมีการนิรโทษกรรมคดีความผิดทางอาญา มีข้อเสนอเพิ่มความผิดทางพินัย เพื่อให้ครอบคลุมชัดเจนมากขึ้น
.
ส่วนกรณีความผิดทางแพ่ง ซึ่งที่ประชุมสภาฯ รับหลักการกำหนดให้ยุติการบังคับคดีทางแพ่งกับกลุ่มผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกดำเนินคดี ให้คืนเงินทรัพย์สินที่ถูกอายัดหรือยึดไปจากผลแห่งคำพิพากษาในคดีแพ่ง กรรมาธิการฯ มีข้อสรุปร่วมกันว่า การยุติบังคับคดีแพ่งเป็นที่เห็นชอบร่วมกัน แต่การคืนเงินที่ถูกอายัดเป็นเรื่องที่เห็นตรงกันว่า ตัดประเด็นนี้ออก และได้วินิจฉัยว่ากลุ่มบุคคลใดบ้างจะเข้าข่ายการนิรโทษกรรมตามกฏหมาย
.
นายณัฐวุฒิระบุด้วยว่า กรรมาธิการฯ มีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นกรรมการ, ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ
.
นอกจากนี้ มีองค์ประกอบมาจากภาคประชาชนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มาจากวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน ตัวแทนอธิการบดี จากการเสนอชื่อประธานสภาฯ อำนาจหน้าที่ครอบคลุมหลายด้าน การวินิจฉัยชี้ขาด การสื่อสารกับสังคม การรับเรื่องร้องทุกข์อุทธรณ์ ผู้ที่ตกหล่นในการพิจารณา
.
“เรื่องที่ทำอยู่หมายถึงการพยายามลบบาดแผลความขัดแย้งที่ต่อเนื่องยาวนาน มาร่วมสองทศวรรษ หากกฎหมายบังคับใช้ ก็ไม่ควรเนิ่นช้าที่จะให้คณะกรรมการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ปฎิบัติหน้าที่โดยทันที” ณัฐวุฒิกล่าว
.
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า กรรมาธิการฯ ได้มีการหารือถึงเยาวชนที่อายุต่ำว่า 18 ปี ที่กระทำการขัดต่อกฎหมายซึ่งอาจมาจากมูลเหตุความขัดแย้งทางการเมือง หรือแรงจูงใจทางการเมือง ได้กำหนดไว้ในมาตรา 6 ของกฎหมายนี้ และเพิ่ม 9/1 ระบุว่า กรณีที่เยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ที่กระทำความผิด มีสิทธิ์จะเสนอเรื่องส่งคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ไม่ได้เป็นการเพิ่มอำนาจนิติบัญญัติไปแทรกแซงอำนาจตุลาการ แต่ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย วิธีพิจารณาคดีอาญาเด็กและเยาวชน .
.
นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณีฐานความผิดในบัญชีแนบท้ายของร่างกฎหมายนี้ เดิมกำหนดไว้ 12 ฐานความผิด กรรมาธิการฯ ได้หารือ และแสวงหาข้อมูลอย่างรอบด้าน จึงให้ขยายเพิ่มฐานความผิดที่ได้รับการนิรโทษกรรมอีกหลายฐานความผิด ซึ่งไม่ได้ลอยมาเอง ไม่ได้เกิดจากความคิดเห็นของกรรมาธิการฯ คนใดคนหนึ่ง ส่วนหนึ่งมาจากรายงานของคณะกรรมาธิการศึกษาการออกกฏหมายนิรโทษกรรม ซึ่งสภานี้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเอาไว้ก่อน และมาจากการประสานงานกับภาคประชาชน ที่ต่อสู้เคลื่อนไหว ทั้งทนายสิทธิมนุษยชน กลุ่มไอลอว์ และรับฟังตัวแทนกลุ่มการเมือง ผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับบทบาททางการเมือง
.
นายณัฐวุฒิเน้นย้ำว่า บัญชีแนบท้ายดังกล่าวนั้น พยายามให้มีความครอบคลุมและกว้างขวางที่สุด และแน่ใจว่า ภายใต้การพิจารณาของกรรมการจะหยิบยื่นโอกาส ความพยายามเยียวยาบาดแผล ความขัดแย้งนี้ไปถึงผู้คนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกค่ายทุกสี
.
สำหรับกรณีที่มีกลุ่มขัดแย้ง หรือกลุ่มที่ต่อสู้การเมืองบางกลุ่มเดินเลยสถานการณ์ไปก่อน และคดีเดินเร็วถูกพิพากษาจำคุก คดีถึงที่สุดแล้วเป็นจำนวนมาก เช่น คดีกลุ่มคนเสื้อแดง กรรมาธิการฯ เห็นชอบให้เพิ่มบทบัญญัติในการลบล้างประวัติอาชญากรรม สำหรับผู้ต้องขังความจากความเคลื่อนไหวทางการเมืองในนิยามของกฎหมายนี้ ล้างให้ในทุกขั้นตอนในทุกหน่วยงาน เป็นผู้มิได้เคย กระทำความผิดนี้ ไม่เคยถูกดำเนินคดี และไม่เคยต้องโทษจากความเคลื่อนไหวในความขัดแย้งทางการเมืองทั้งสิ้น
.
“เรื่องนี้ใครไม่เจอก็ไม่เข้าใจ เพราะส่งผลกระทบใหญ่หลวงของชีวิตของคนที่ต้องเดินไปข้างหน้า โดยที่ประวัติตัวเองถูกบันทึกไว้ในแฟ้มอาชญากรรม สมัครงาน ประกอบอาชีพอิสระ ที่ต้องโชว์สถานะของตัวเองก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ใช้ชีวิตปกติในหมู่บ้าน เกิดเหตุอะไรขึ้นมา เมื่ออำนาจรัฐตรวจสอบเห็นว่า เคยเป็นผู้ต้องหา ก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ตรงนี้คณะกรรมการธิการล้างประวัติอาชญากรรมให้” ณัฐวุฒิกล่าว
.
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อไปว่า ในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ สังคมทั่วไปเข้าว่า นี่คือการเตรียมออกกฏหมายนิรโทษกรรมโดยสภาฯ แต่เหตุใดทั้ง 3 ร่าง ที่รับมา จึงตั้งชื่อว่าเป็นร่างสร้างเสริมสังคมสันติสุข ซึ่งเจ้าของร่างตอบตรงกันว่า แม้บ้านเมืองนี้เคยออกกฏหมายนิรโทษกรรมมาแล้ว 2-3 ครั้ง ส่วนใหญ่เพื่อเป้าหมายในการแก้ไขและคลี่คลายความขัดแย้ง แต่บางกรณีกลับกลายเป็นเหตุของความขัดแย้ง เช่นความพยายามก่อการรัฐประหารครั้งล่าสุด จึงปรับชื่อของกฎหมาย ไม่ใช้คำว่านิรโทษกรรม ใช้คำว่าสร้างเสริมสังคมสันติสุข เป็นการแสดงเจตนาใช้คำไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของคนบางส่วน และเห็นว่าเป็นการเปิดพื้นที่ให้กรรมาธิการคิดและมองได้กว้างขึ้น เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์
.
“กรรมาธิการเคยฟาดฟันทางการเมืองกันมา มีความเชื่อคนละอย่าง เดินคนละทาง ใส่เสื้อคนละสี มีอุปกรณ์แสดงความเป็นกลุ่มคนละแบบตลอดมา แต่นั่งทำงานนี้ด้วยกันเป็นเวลา 2 เดือน มีการลงมติเพียง 3 ครั้ง นอกจากนั้นใช้วิธีการพูดคุยแลกเปลี่ยน และการทำงานร่วมกันไม่ได้ทำให้ทุกคนมีความเชื่อทางการเมืองตรงกัน แต่ทำให้สังคมเห็นว่า สามารถพูดคุยและรับฟังถกเถียงกันได้ และมีวิธีการหาคำตอบสุดท้ายด้วยกันจนงานสำเร็จ โดยไม่ปรากฏความขัดแย้ง” ณัฐวุฒิกล่าว
.
นายณัฐวุฒิย้ำว่า ในกรรมาธิการฯ ไม่มีการวอล์คเอาท์ ไม่มีการเสนอนับองค์ประชุม ไม่มีกระบวนการใดก็ตามที่จะทำให้การประชุมหรือทำหน้าที่กรรมาธิการแต่ละครั้งเดินหน้าต่อไม่ได้ บรรทัดสุดท้าย การทำหน้าที่ของกรรมาธิการชุดนี้ กฎหมายที่นำเสนอต่อที่ประชุมคือ ไม่มีใครได้ทั้งหมด และไม่มีใครเสียทุกอย่าง แต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายมีความเห็น มีเป้าหมาย มีข้อเสนอของตัวเอง ในที่สุดกฎหมายออกมา ได้บ้างไม่ได้บ้าง และมาขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
.
จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณารายมาตราวาระ 2 ซึ่ง นพ. ทศพร เสรีรักษ์ สส. แพร่ พรรคเพื่อไทย แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ตนไม่ขอร่วมพิจารณาร่างกฎหมาย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้ง และมีคดีติดตัว ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกฎหมายนั้นบริสุทธิ์ และไม่ถูกมองว่าเป็นการผ่านร่างกฎหมายเพื่อตนเอง
.
ขอขอบคุณ https://thestandard.co/peace-bill-targets-all-people/
.
#พรรคเพื่อไทย #สร้างเสริมสังคมสันติสุข #นิรโทษกรรม #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ

บทความที่เกี่ยวข้อง
