วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย กรุงเทพฯ นายจาง เจี้ยนเหว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าแสดงความยินดีกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในโอกาสที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่เข้าดำรงตำแหน่ง โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รองหัวหน้าพรรคฯ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้การต้อนรับ 

นายจาง เจี้ยนเหว่ย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) มีความสัมพันธ์กันมายาวนานตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย ประเทศไทยและประเทศจีนมีความร่วมมือมากมายตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จนล่าสุดมาถึงนายกฯ แพทองธาร ซึ่งให้ความสําคัญกับความร่วมมือระหว่างกันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นโยบายฟรีวีซ่าที่เพิ่มนักท่องเที่ยวระหว่างกันเป็นจํานวนมาก รถไฟฟ้าความเร็วสูง 

รวมถึงการร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ 3 ฝ่ายไทย-จีน-เมียนมา ซึ่งตอนนี้ก็ได้ส่งอาชญากร ประมาณ 6,000 กว่าคนกลับประเทศจีนแล้ว นโยบายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสําคัญต่อประเทศจีนมากและจะอยู่ในใจของพี่น้องชาวจีนตลอดไป ตนจึงอยากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพรรคเพื่อไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมีนัยยะของความเป็นยุทธศาสตร์ระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ความร่วมมือระหว่างพรรคต่อพรรคเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

จากนั้นนายจุลพันธ์ ได้กล่าวขอบคุณที่เอกอัครราชทูตจีนให้เกียรติเข้ามาพบ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้รับการคัดสรรเข้ามาดํารงตําแหน่ง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพรรคต่อพรรคที่มีกันมายาวนาน ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็พร้อมจะสานต่อ และยกระดับให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ซึ่งจะเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-จีนในอนาคต โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการลงทุน ด้านเทคโนโลยีและการวิจัย พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยยึดถือนโยบายจีนเดียวมาตลอด และชื่มชมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ของจีนที่จะเริ่มในปีหน้า ซึ่งเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการชี้นำทิศทางการพัฒนาของประเทศ ที่จะเน้นการพัฒนาคุณภาพสูง ซึ่งสามารถยกระดับให้จีนพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าอีวี เอไอ สมาร์โฟน เทคโนโลยีการแพทย์ ตลอดจนการเกษตรแม่นยำ โดยพรรคให้ความสนใจศึกษาและร่วมพัฒนากับจีนในด้านต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอย่างมาก

นายจุลพันธ์ ยังชื่นชมเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรจีนในปี 2035 ถือเป็นแผนพัฒนาที่น่าชื่มชม เป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศไทย และพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะสามารถประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้ประชากรต่อหัวของจีนอย่างแน่นอน

ส่วนการเมืองระหว่างประเทศนั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศ โดยรักษาสมดุลของทุกฝ่าย พร้อมส่งเสริมให้จีนมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคอาเซียน

“พรรคเพื่อไทย มีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือไทย-จีน ผ่านโครงการเส้นทางรถไฟ ไทย-จีน ในกรอบ BRI มาโดยตลอด และยืนยันในความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้โครงการนี้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และจะส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงการในระดับทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยจะเชื่อมการเดินทางต่อจากจีนผ่านไทยไปจนถึงประเทศสิงคโปร์ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ได้ดำเนินการเชื่อมเส้นทางรถไฟ ไทย-จีน โดยอนุมัติเส้นทางโคราช หนองคายไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าในระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา จะแล้วเสร็จปี 2571 นี้ และระยะที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2575” นายจุลพันธ์กล่าว

ขณะที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ช่วยสนับสนุนให้ความร่วมมือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลจีนที่ผ่านมาในหลายเรื่อง ทั้งฟรีวีซ่าจีนให้แก่คนไทย, การสนับสนุนไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS, การร่วมเป็นสักขีพยานในการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา ตลอดจนความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเซ็นเตอร์ ระหว่าง จีน-ไทย-เมียนมา แต่เป็นที่น่าเสียดายความร่วมมือในการปราบสแกมเซ็นเตอร์ ระหว่าง จีน-ไทย-เมียนมา-กัมพูชา หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะสานต่อความร่วมมือกับจีนในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาจีนมีบทบาทที่เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพในการปราบสแกมเมอร์ในภูมิภาคอาเซียนมาก ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมจะสนับสนุนบทบาทนำของจีนในส่วนนี้ต่อไป โดยดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจอย่างสมดุล

#พรรคเพื่อไทย #CCP