10 ธ.ค. 68 เอกพร รักความสุข กรรมาธิการ(จากพรรคเพื่อไทย) ซึ่งสงวนความเห็นในมาตรา 256/2 อภิปรายระบุว่า ในมาตรา 256/1 มติของรัฐสภาไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เราต้องจำยอมให้มีระบบที่ออกแบบคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็น 35 คน

โดยใช้ระบบการคัดเลือกโดยรัฐสภา ที่เรียกว่า 20 หยิบ 1 ซึ่งระบบนี้อาจจะทำให้เกิดการควบคุมครอบงำจากเสียงข้างมากของรัฐสภาได้ ทำให้เกิดการล็อกตัวบุคคลที่จะเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ร่างรัฐธรรมนูญ 

พรรคเพื่อไทยจึงเสนอว่า ควรสร้างให้เกิดความเป็นกลางในคณะกรรมธิการ โดยการแบ่งโควตา จากคณะกรรมาธิการ 35 คน ออกมา 10 คน ให้มีที่มาจากการแต่งตั้งจากกลุ่มองค์กรวิชาชีพ

โดย กลุ่มบุคคลที่จะเข้าเป็นกรรมาธิการจากการแต่งตั้งนั้นพรรคเพื่อไทยได้สงวนไว้ให้กับ กลุ่มบุคคลที่มาจากองค์กรวิชาชีพ ด้านกฎหมายมหาชน 3 คน ด้านรัฐศาสตร์ 3 คน และผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน 4 คน 

โดยพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า การจัดให้มีกรรมาธิการจากการแต่งตั้งทั้ง 10 ท่านนี้ จะทำให้คณะกรรมาธิการมีความเป็นกลาง และมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อการลดความเสี่ยงในการครอบงำคณะกรรมธิการโดยเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จ 

ด้านก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมาธิการ ระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอเสนอให้ มีการปรับสัดส่วนคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 35 ท่าน ซึ่งจากเดิมมาโดยการคัดเลือกทั้งหมดโดยรัฐสภา โดยให้เปลี่ยนเป็น 25 ท่านมาจากการคัดเลือกโดยรัฐสภา และ 10 ท่านมาจากการแต่งตั้งจากกลุ่มองค์กรวิชาชีพ คือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ และผู้มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาก่อน 

ก่อแก้วเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 10 คนที่มาจากการแต่งตั้งนี้ จะเป็นเครื่องช่วยรับประกัน ว่าการร่างรัฐธรรมนูญ จะมีความราบรื่นมากขึ้น เนื่องจากจะมีผู้เชี่ยวชาญกฎหมายเข้ามาร่วมทำหน้าที่ด้วย ทำให้การร่างรัฐธรรมนูญมีความรอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้จะสามารถทำให้สังคมให้ความยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมาธิการฯ ระบุว่า การสมัครเพื่อเสนอตัวเข้ามาเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญในครั้ง อาจมีผู้เสนอตัวเข้ามาน้อยมาก เนื่องจากพวกเขาต่างรับรู้แล้วว่า การใช้สูตร 20 หยิบ 1 โดยสมาชิกรัฐสภานั้น จะมีใครบ้างที่มีโอกาสที่จะได้เป็นกรรมาธิการ เพราะเป็นไปได้ที่จะมีการส่งสัญญาณจากบรรดาสมาชิกรัฐสภา ว่าจะให้ใครเข้าไปสมัครและจะเลือกใครมาเป็นกรรมาธิการ

จาตุรนต์ ชี้ว่า การคัดเลือกกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จะเป็นไปอย่างซบเซาที่สุด และทำให้ประชาชนรู้สึกว่า เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เลย และอาจทำให้ได้บุคคลที่ไม่มีความรู้ความสามารถหรือความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน เพียงพอที่จะมาร่างกฎหมายได้

นี่เป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยได้แสดงความเห็นไว้ และต้องการกำหนดให้ กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนแรกจำนวน 25 คน ใช้สูตร 28 หยิบ 1 ส่วนที่สองจำนวน 10 คน มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ องค์กรวิชาชีพ ที่รัฐสภาจะเป็นผู้เลือกจากผู้มีคุณสมบัติมีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ

สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยกำหนดเช่นนี้ เนื่องจากการได้มาซึ่งคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีการกำหนดให้มาจากการเลือกของประชาชนในชั้นแรกก่อน ก็ควรจะกำหนดสัดส่วนให้มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยร่าง และข้อกังวลสำคัญที่สุดหากยังใช้สูตร 20 หยิบ 1 อยู่ เสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ จะตรงกับเสียงข้างมากของรัฐสภา ทำให้สามารถกำหนดทิศทางของรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด 

ท้ายที่สุด ที่ประชุมรัฐสภามีมติ 315 ต่อ 255 เสียง เห็นชอบตามร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก ให้มีการได้มาซึ่งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มาจากการคัดเลือกโดยรัฐสภาตามสูตร 20 หยิบ 1 เช่นเดิม

#พรรคเพื่อไทย #การแก้รัฐธรรมนูญ