‘ภูมิธรรม’ เสียใจเหตุความรุนแรงชายแดนใต้ ย้ำ ต้องยุติความรุนแรงให้ได้ก่อน ยัน พร้อมเจรจา หากตัวแทนสั่งหยุดยิงได้จริง ชี้ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงไปฆ่าคน แต่ใช้กำลังปกป้องคนในพื้นที่ พร้อมส่ง รมช.กลาโหมลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พรุ่งนี้

วันนี้ (6 พ.ค. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นรายวันในพื้นที่จังหวัดชายแดน จะมีมาตรการรับมืออย่างไร ว่า ตนเองขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของประชาชน ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิมที่ประสบเหตุ คิดว่า การกระทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ต้องถือว่า เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และใช้ความรุนแรงในการเข้าไปแก้ปัญหา ด้วยการ เข้าไปยิงพระ เณร เด็ก คนชรา ผู้พิการ เป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่กำลังต่อสู้ประสบความสำเร็จ เราเองก็พร้อมที่จะดำเนินการแก้ปัญหานี้โดยเร็ว ซึ่งได้ สั่งการไปแล้วว่าให้ทั้งทหาร และตำรวจ และฝ่ายปกครอง ปฏิบัติการเชิงรุก ซึ่งคำว่าปฏิบัติการเชิงรุก มีคน เอาไปตีความหมายในทางที่แย่ เหมือนเรา ไปเข่นฆ่าเขา แต่ความจริงเรื่องนี้คือการไม่อยู่ในที่ที่ตั้ง อาจต้อง ตั้งด่านเข้มงวดขึ้น ปฏิบัติการให้เร็ว เข้าไป อยู่ในจุดที่มีความสงสัยว่าเกิดเหตุ และส่ง กำลังพลเข้าไปดูแลประชาชน ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม

.

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกัน และมีการตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายปฏิบัติการที่มีตนเองดูแลอยู่ พบกับ ผู้อำนวยการสะดวกทางมาเลเซีย ซึ่งเรา ได้พบกันแล้ว

.

ประเด็นแรก เราไม่ยอมรับความรุนแรง ดังนั้น ถ้าจะใช้ความรุนแรงมันยากที่จะมาเจรจากัน ถ้าเขายอมรับในสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ว่า เราจะคุยกันอย่างสันติ คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถยุติและมาเจรจากันได้ ไม่ใช่เราไม่พร้อมเจรจา ตนเองตั้งใจ และยินดีที่จะเจรจา ถ้าจะ แก้ไขปัญหาได้ การเจรจา ก็เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนเจรจาได้ เพราะมี การเจรจามาโดยตลอด การสู้รบ การยิงก็ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนเคย ทดลองในเดือนรอมฎอน ว่า ขอให้หยุดให้ได้ทั้งหมด แล้วเรา มาเริ่มต้นเจรจากัน แต่ช่วงปลายเดือนรอมฎอนก็เป็นเหมือนเดิม คือ มีการก่อเหตุ ดังนั้น ถ้าควบคุมไม่ได้ จะมีการ เจรจาเพื่ออะไร ซึ่งวันนี้ ตนเองพร้อม และทีม เจรจาก็พร้อมที่จะตั้งทันที หากทุกอย่าง เป็นไปตามเงื่อนไข ว่า ตัวแทนเจรจาสามารถสั่งการให้หยุดได้ โดยประเด็น ที่อยากเจรจา มีเงื่อนไข ที่ได้ฝากกับผู้อำนวยความสะดวกไป คือ ต้องหยุดเรื่องความรุนแรงจริง ๆ ไม่ใช่ เป็นการใช้เกมการเมือง ว่า อยาก ทำอะไร ปกติ ก็ต้องมีการเข่นฆ่า และออกแถลงการณ์มาประณามคนเข่นฆ่า ก็ไม่มี ความหมาย เพราะคนที่ดำเนินการต่อสู้กับรัฐอยู่ขณะนี้ ก็มีอยู่ กลุ่มเดียว เพราะฉะนั้น ต้องเลิกเล่นการเมือง และเลิก ทำตัวไม่ตรงกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น

.

ประเด็นที่สอง ตนเองได้บอกไปแล้วว่า เรายอมรับในพหุวัฒนธรรม ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งนี้ด้วย ประเทศไทย มีจุดแข็งที่อยู่ร่วมกันได้ทุกศาสนา เมื่อก่อน ในพื้นที่ภาคใต้ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมก็อยู่ร่วมกัน เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความพยายามในการแยกรัฐ คิดว่า ต้องอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม

.

ประการที่สาม ยินดีที่จะเจรจาพูดคุย ภายใต้ กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐเป็น รัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้น การจะเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อม เจรจาด้วย แต่ถ้า จะคุยในเรื่องการอยู่ร่วมกันหรือความร่วมมือ อันนี้ เรายอมรับได้ เรายอมรับ อยู่แล้ว ว่าการ ที่จะให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วม ในการปกครองตัวเอง เรื่องนี้ มาคุยกันจะเอารูปไหนก็ได้ ถ้า ยึดหลักตามที่ตนบอกไป ไม่แบ่งแยก เป็นรัฐอิสระ ไม่ดำเนินการ ภายนอกรัฐธรรมนูญไทยที่มีอยู่ ก็มา คุยกันว่าจะเอารูปแบบไหน ตนได้ให้เงื่อนไขกับผู้อำนวยการสะดวกไปแล้ว ซึ่งจริง ๆ ที่ทุกคนเห็น ไม่ได้ หมายความว่าเราไม่ได้ทำอะไร เราทำไป หลายส่วน และเมื่อวาน ตอนโอกาสเจอกับแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้กำชับ ไปว่า ขณะนี้ ต้องยุติความรุนแรงให้ได้ก่อน เรื่องอื่น ๆ ถึงจะสามารถดำเนินการได้ ถ้าเรื่องนี้ ยังไม่ได้ไม่ต้องมาพูดอะไร และตนเห็นด้วยกับนายสุนัย ผาสุข และสิ่งที่พูดมาควรจะนำไปขบคิดกัน อย่าใช้ การเมืองให้พูดกันตรง ๆ อย่างจริงใจ และหาก อยากแก้ปัญหาให้นำความจริงมาพูดกัน ผู้สนับสนุน หรือฝ่ายต่าง ๆ ต้องเข้าใจ ความเป็นจริง วันนี้ ต้องตั้งคำถามให้ถูกจุด ว่า กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงทำอะไรกันอยู่ ไม่ใช่ อยู่ ๆ มาโจมตีรัฐอย่างเดียว พร้อมยืนยัน ว่า รัฐไม่ได้อยู่นิ่ง และมีการ เตรียมความพร้อม แต่ต้อง อยู่ภายใต้สิ่งที่รัฐสามารถดำเนินการได้

.

ส่วนจะมีมาตรการดูแลประชาชนเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังผู้ก่อความไม่สงบร่อนใบปลิวขู่ทำร้ายประชาชนไทยพุทธกับพระสงฆ์ให้มากขึ้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พอเรา ออกแถลงการณ์ประณามแล้วฝั่งผู้ก่อความไม่สงบทำแบบนี้ ถามว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้น่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ยืนยัน ว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะขณะนี้ เราได้ปรับกำลัง และปรับ หน่วยเคลื่อนที่เข้าไปคุ้มครองพื้นที่ชาวไทยพุทธ รวมถึง ได้คุยกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อย่างใกล้ชิดตลอด ซึ่งการ กระทำดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง และเป็น การพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นว่าเป็นวิถีที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการ ที่ชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมได้เห็นแถลงการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ถามว่า เป็นสิ่งที่ชอบทำหรือไม่ ซึ่งเป็น การกระทำที่ไร้มนุษยธรรม มองเห็นชีวิตผู้คนที่ไม่เป็นมนุษย์ และยิ่ง ทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา

.

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า คิดว่า ภาคใต้ของประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมาก ถ้าสองฝ่าย คือไทยกับมาเลเซียร่วมมือกันบริหารจัดการจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และเชื่อว่า จะมีคนพร้อมมาลงทุนจำนวนมาก แต่ความรุนแรง จะต้องยุติเพื่อให้เกิดความมั่นคง เพราะความ รุนแรงไม่มีประโยชน์ ซึ่งตนเอง มีแผนที่จะคุยกับทางมาเลเซียเรื่องนี้อยู่แล้ว และขอย้ำว่า ไม่ได้ หมายความว่าตนเองจะใช้ความรุนแรงไปฆ่าคน แต่เป็น การใช้กำลังของเราที่มีอยู่ปกป้องคน และประชาชน ในพื้นที่เหล่านั้น ให้ได้รับความปลอดภัยมากที่สุด โดยวันพรุ่งนี้ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ไปพูดคุยให้กำลังใจดูแล เจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง และขอให้ชาวไทยมองปัญหาอย่างเข้าใจ เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่โดยเอาชีวิตเข้าเสี่ยงที่จะแก้ปัญหา อย่าหลง ประเด็นที่ถูกบิดเบือนไป เพราะประเด็น สำคัญคือไม่ควรมีการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน ถ้าไม่มี เรื่องนี้แล้วค่อยมาคุยกัน แต่ถ้า เอาเรื่องนี้มาบีบเราคงยอมไม่ได้ และเรา จะต้องดำเนินการอย่างแข็งแรงเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนของเรามีความปลอดภัย

.

#พรรคเพื่อไทย