สภาฯ ผ่านฉลุยวาระแรก พ.ร.บ.รฟม. รองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ประชาชนเข้าถึงเท่าเทียม ด้วยอัตราค่าโดยสารที่ประหยัด ส่งเสริมการกระจายตัวของการพัฒนาเมือง
วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมีการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ ในวาระที่ 1 โดยมี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้เสนอในที่ประชุม
นางมนพร กล่าวถึงความสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตั๋วร่วม ทำให้การเดินทางมีความสะดวก คล่องตัวแก่ประชาชน และ รฟม.สามารถจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินซึ่งรวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อแสวงหารายได้ให้แก่หน่วยงาน ช่วยลดภาระงบประมาณภาครัฐ เช่น การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี, การบริหารจัดการพื้นที่โฆษณา, การให้เช่าพื้นที่ร้านค้า, การให้บริการ Wi-Fi
นอกจากนี้ให้ รฟม.สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารอื่นเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ รฟม. นอกเหนือจากเพื่อการลงทุน ได้ และการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน ของ รฟม. ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากเดิมต้องผ่าน ครม.
ด้าน สส.พรรคเพื่อไทยร่วมอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เป็นร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน สนับสนุนการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย และระบบตั๋วร่วม จะส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบรถไฟฟ้า ให้เป็นระบบขนส่งมวลชนหลักในเมืองที่สะดวกสบาย เข้าถึงเท่าเทียมกัน ด้วยอัตราค่าโดยสารที่ประหยัด
“ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะไม่เพียงเป็นนโยบายหาเสียง หรือขายฝันเท่านั้น กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ประชาชนเห็นว่าทำนโยบายได้จริง รัฐบาลสามารถบริหารต้นทุนของ รฟม.ได้ยืดหยุ่น มีการอุดหนุน ประชาชนเดินทางได้ราคาถูก ได้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม” นายวิรัชกล่าว
นายวิรัชกล่าวว่า ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ เป็นการยกระดับขีดความสามารถขนส่งมวลชนของประเทศ รองรับการขยายตัวของเมืองและจำนวนประชากรในเขตเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายในการลดใช้รถยนต์ส่วนตัว ลดมลพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
“ผมเองเป็นคนใช้รถไฟฟ้ามากที่สุด เดินทางจากกาฬสินธุ์ มาสนามบินสุรรณภูมินั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เข้ามาที่พญาไท 55 บาท แล้วต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงห้าแยกลาดพร้าวอีก 55 บาท รวมเป็น 110 บาท ถ้าคนเดินทางไปกลับต่อวันด้วยราคา 220 บาท ได้ค่าแรง 400 บาท เหลือเงินแค่ 180 บาท สิ่งที่ช่วยประชาชนให้ประหยัดได้ มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว วันนี้ตั๋วร่วมต้องใช้ 20 บาทตลอดสาย คนรวยไม่ได้สนใจเงินร้อยบาท แต่คนจนต้องมาจ่ายค่ารถไฟฟ้าในราคาปัจจุบัน ลูก ครอบครัวจะอยู่ได้อย่างไร วันนี้พรรคเพื่อไทยทำถูกต้อง” นายวิรัชกล่าว
“ผมเป็นคนอีสาน ถามว่ามีประโยชน์อะไรกลับการเดินทางตรงนี้ แต่คนอีสานมาอยู่ในกรุงเพทฯ เป็นประชากรแฝงมหาศาล คนเหล่านี้มาเพื่อรับจ้าง ทำมาหากิน ถ้าวันนี้เขาเหลือเงินมาก รัฐบาลมีหน้าที่ต้องหาเงิน มีหน้าที่อุดหนุนสาธารณูปโภคให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีแรงทำมาหากินเลี้ยงชีพ” นายวิรัชกล่าว
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในอดีตประเทศไทยประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าโดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน และคิดกรอบค่าโดยสารแยกเป็นรายสัมปทาน ทำให้เกิดปัญหา “ตั๋วไม่ร่วม ราคาไม่ร่วม และการบริหารไม่เชื่อมต่อกัน” หลายรัฐบาลอยากแก้ไขปัญหานี้ด้วยกระบวนการเจรจากับเอกชน แต่ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้ความสนใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะการทำให้ขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีราคาถูก สะดวกสบาย และใช้งานกันได้มากขึ้นนั้น จะเป็นประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งการลดค่าครองชีพให้คนในเมือง ลดปัญหารถติดและฝุ่น PM2.5 ตลอดจนส่งเสริมการกระจายตัวของการพัฒนาเมืองตามแนวรถไฟฟ้าอีกด้วย
นายชนินทร์กล่าวว่า ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้เสนอแก้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม มาแล้ว 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง และ พ.ร.บ.การจัดการระบบตั๋วร่วม ที่จะสร้างโครงสร้างคณะกรรมการที่มาพิจารณามาตรฐานราคาที่เหมาะสม วิธีการบริหารจัดการ รูปแบบการจ่ายค่าโดยสาร ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนวางแผนต่อไปในอนาคตอย่างมียุทธศาสตร์ ส่วนการแก้ พ.ร.บ.รฟม.ฉบับนี้ จะเป็นสลักสุดท้ายในการแก้ไขเพื่อส่งเสริมกลไกการลดค่าโดยสาร โดยให้ รฟม. สามารถจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินของ รฟม.เองได้มากขึ้น เช่น การให้เช่าพื้นที่ หรือการลงทุนธุรกิจต่างๆ และสามารถใช้รายได้จากการบริหารของ รฟม.เองนั้น มาใช้เพื่อสนับสนุนระบบตั๋วร่วมได้ ซึ่งก็จะเป็นกลไกในการสนับสนุนให้นโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ของพรรคเพื่อไทยสำเร็จได้จริง
“การแก้กฎหมายครั้งนี้จะตอบคำถามพี่น้องประชาชนให้ชัดว่า จะเอาเงินจากไหนมาอุดหนุนค่าโดยสารรถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย คำตอบคือนำเงินรายได้ของ รฟม.เอง เปลี่ยนการทำธุรกิจที่มุ่งหารายได้จากค่าตั๋ว เป็นการคิดค่าโดยสารให้ถูกลง แล้วไปหารายได้จากส่วนควบอื่นๆแทน ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ยั่งยืนที่สุด” นายชนินทร์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เห็นด้วย 295 เสียง ไม่เห็นด้วย 144 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา จำนวน 25 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน
#พรรคเพื่อไทย #รถไฟฟ้า20บาท #รฟม

บทความที่เกี่ยวข้อง
