โควิดระบาด ไม่รุนแรงแต่ต้องใส่ใจ 30 บาท รับยาที่ร้าน- พบหมอออนไลน์

กรมควบคุมโรครายงานการระบาดของโควิด ปัจจุบันเป็นขาขึ้น 221,186 ราย ระบาดสูง รุนแรงต่ำ สัดส่วนการเสียชีวิต 0.02% การระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากหลังสงกรานต์ ด้าน สปสช. ระบุว่า ผู้มีสิทธิบัตรทอง หากมีอาการรุนแรงสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ สำหรับผู้ที่มีอาการเล็กน้อยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สะดวก ใกล้บ้านด้วยร้านยาคุณภาพ มองหาสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ หรือใช้บริการพบแพทย์ทางไกลผ่าน 3 แอปพลิเคชัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE OFFICIAL ของ สปสช. (ไลน์ไอดี @nhso)

.

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 กรมควบคุมโรค(คร.) พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในการแถลงข่าว ‘พฤษภา เปิดเทอมใหม่ ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพหน้าฝน’ ชี้ว่าการระบาดของโควิดเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์ มีรายงานการป่วยสูงถึง 221,186 ราย ระบุแม้การป่วยมีมากขึ้น แต่ความรุนแรงของเชื้อน้อย มีอัตราการเสียชีวิต 0.02% ไม่มีสัญญาณว่าโควิดปรับตัวจนเชื้อรุนแรง พร้อมให้ความมั่นใจว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เฝ้าระวังและศึกษาการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

.

ปัจจุบันโรคโควิด-19 มีความรุนแรงของโรคลดลง กรมควบคุมโรคเปลี่ยนสถานะจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง และสื่อสารในระดับของโรคประจำถิ่น มีอัตราการป่วยตายประมาณร้อยละ 1% การระบาดพบกลุ่มอายุที่ระบาดมากที่สุดคือในเด็กอายุ 0-4 ปี ผู้ใหญ่อายุ 30-39 ปี รองลงมาอายุ 20-29 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

.

แม้ว่าโรคโควิดจะลดความรุนแรงลง แต่การระบาดในหลายกลุ่มยังต้องเฝ้าระวังเช่นในเด็กและในผู้สูงอายุที่อายุ 70 ปีขึ้นไปซึ่งอาจมีอาการรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งยังอาจพบการติดเชื้อไวรัสตามฤดูกาลเช่นไข้หวัดใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปแม้จะติดเชื้อต่อเนื่องหรือพร้อมกันก็เป็นไปได้ แต่มักไม่ส่งผลซึ่งกันและกัน มักจะมีอาการไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ทว่าอาจรุนแรงได้ถ้ามีอาการปอดบวมจากการติดเชื้อทั้ง 2 โรคพร้อมกัน

.

ทั้งนี้ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิดในต่างประเทศที่พบการป่วยเพิ่มเช่นที่สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน โดยกล่าวว่าไทยเองยังอยู่ในระยะขาขึ้น จำเป็นต้องมีมาตราการป้องกันไม่ให้ระบาดเพิ่มขึ้นอีก ด้วยปัจจุบันเป็นช่วงเปิดเทอมจะพบโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น และเน้นย้ำ การเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการป้องกันโรค เช่น สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่แออัด รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย

.

ด้านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช. ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่เกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาเมื่อพบว่าป่วยโควิดว่าสามารถโทรติดต่อ สายด่วย สปสช. 1330 ว่าเป็นข้อความที่คลาดเคลื่อน ซึ่งเป็นการรับมือในช่วงที่มีการระบาดใหญ่เมื่อปี 2565 ตามโครงการ ‘เจอ แจก จบ’ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่าปัจจุบันการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นการเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลตามขั้นตอน สำหรับบัตรทอง 30 บาทสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากมีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ

.

ทั้งนี้ โครงการ 30 บาท ได้ยกระดับเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ มีการขยายหน่วยบริการที่หลากหลายและสอดรับกับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงการเฝ้าระวัง โดยผู้มีสิทธิ 30 บาท สปสช. แนะนำการเข้าถึงบริการที่เพิ่มความสะดวก ผู้ป่วยโควิดกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถเข้าปรึกษาเภสัชกรเพื่อรับยาตามอาการในร้านที่เข้าร่วมโครงการ โดยสังเกตจากสติกเกอร์ 30 บาทรักษาทุกที่หรือสติกเกอร์ร้านยาคุณภาพของฉัน โดยใช้บริการได้ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

.

นอกจากร้านยา ผู้ป่วยที่มีสิทธิ 30 บาท สามารถใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์หรือ Telemedicine แล้วรอรับยาที่บ้าน โดยสามารถพบแพทย์ผ่าน1 ใน 3 แอปพลิเคชัน คือ Clicknic (คลิกนิก), Mordee (หมอดี) และ Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี)

.

สำหรับผู้มีสิทธิ หรือผู้สนใจ สปสช. แนะนำการติดตามหรือสอบถามข้อมูลผ่าน ไลน์ OA หรือ LINE OFFICIAL ของ สปสช. เป็นหลัก โดยทุกบริการสามารถแสกนจาก QR Code ได้ในภาพ

.

.

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.hfocus.org/content/2025/05/34237

https://www.nhso.go.th/th/communicate-th/thnewsforperson/2025-05-25-01-07-32