ชี้แจงประชาชน 2 ประเด็น ฮั้วประมูลไม่เป็นความจริง สร้างตึกคมนาคมใหม่มีความจำเป็น

วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการฮั้วการประมูลจนมีกำไรและประเด็นการสร้างตึกกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ โดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ชี้แจงดังนี้

กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการโปร่งใสในการประมูลและป้องกันการฮั้วประมูลมาโดยตลอด

  1. ราคากลาง คำนวณปริมาณจากแบบก่อสร้างที่กำหนดแต่ละโครงการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการกำหนดราคากลางของกรมบัญชีกลางอย่างเคร่งครัด
  2. การกำหนดหลักเกณฑ์และขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (รับผิดชอบโดยกรมบัญชีกลาง)
  3. การประกวดราคา ผ่านระบบ E-bidding ของกรมบัญชีกลาง
  4. พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาของรัฐ พ.ศ. 2542

เพราะฉะนั้น จากกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ของภาครัฐที่กล่าวมานี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หน่วยงานของกระทรวงคมนาคมจะไปดำเนินการที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมามีการฮั้วประมูลได้

อีกทั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้เสริมข้อเท็จจริง 4 ประการ ได้แก่

  1. ผลการตรวจสอบกำไรของผู้รับเหมาชั้นพิเศษ 80 รายในช่วงปี 2563 – 2566 มีรายได้รวมกันต่อปีเกือบ 2 แสนล้านบาท แต่กลับพบกำไรรวมกันแล้วเฉลี่ยเพียงปีละ 0.5% ของรายได้ ซึ่งไม่ได้มีกำไรเป็นกอบเป็นกำอย่างที่กล่าวหา และยังพบว่ามีการขาดทุนในปี 2565 อีกด้วย
  2. การแบ่งสัญญาโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การแบ่งจาก 2 ตอนเป็น 3 ตอนไม่ได้ช่วยให้ประเทศประหยัดงบประมาณขึ้นแต่อย่างใด แต่จะทำให้มีค่าใช้จ่าย Overhead ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น มากไปกว่านั้นการประมูลก็ไม่ได้ประกันว่าจะมีใครรู้ล่วงหน้าถึงราคาว่าจะต่ำกว่าราคากลางเว้นแต่ใช้จินตนาการ
  3. การขยับเพดานของสิทธิในการเสนอราคาของผู้รับเหมา ทล. ทช. ไม่ได้ค้าน ปรับสิทธิการเสนอราคาของผู้รับเหมาแต่อย่างใด การปรับเพิ่มสิทธิ์การเสนอราคาของผู้รับเหมาชั้น 1 จาก 500 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
  4. การประมูลราคาต่ำกว่าราคากลางมาก เป็นการประหยัดงบประมาณ เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก เพราะมองในมุมเดียว แต่ไม่มองถึงผลเสียที่ตามมา โครงการที่มีการฟันราคามักจะมีปัญหาระหว่างก่อสร้าง นอกจากจะทำให้ได้ผลงานไม่มีคุณภาพแล้ว จะทำให้การก่อสร้างล่าช้า หรือทิ้งงาน ที่ส่งผลต่อภาครัฐและประชาชนภายหลัง บางครั้งผู้รับเหมาก็อาจใช้วิธีการสร้างที่สุ่มเสี่ยงเพื่อประหยัดและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ที่มาและความจำเป็นของอาคารแห่งใหม่กระทรวงคมนาคม

  1. สภาพปัญหาความแออัด ความคับแคบ ของอาคารสำนักงานกระทรวงคมนาคม 
  2. ประชาชนที่มาติดต่อกับกระทรวงก็ไม่สะดวก หาที่จอดรถไม่ได้ 
  3. พื้นที่ทำงานที่จะต้องรองรับหน่วยงานสำนักงานปลัดฯ ไม่เพียงพอทำให้หน่วยงานต้องกระจายไปอยู่ในที่ต่าง ๆ กันถึง 5 ที่

จึงได้มีการพิจารณาที่จะปรับแบบ มาใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

โดยอาคารนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 115,196 ตารางเมตร แบ่งเป็น

  1. พื้นที่ห้องทำงาน 12,505 ตารางเมตร เพื่อรองรับบุคลากรสำนักงานปลัดฯ/ สำนักงานรัฐมนตรี / และหน่วยงานระดับกรมอีก 5 กรมจำนวนประมาณ 1,200 คน
  2. พื้นที่ส่วนกลาง 45,897 ตารางเมตร
  3. ห้องประชุม 8,915 ตารางเมตร
  4. พื้นที่จอดรถ 47,842 ตารางเมตร

(ส่วนที่ 2-4 นี้ใช้ร่วมกันของบุคลากรใน 22 หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคมกว่า 80,000 คน)

ในคำถามที่ว่าทำไมต้องมี Auditorium และห้องประชุมใหญ่นั้น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มีการตอบไว้ว่าการลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่หน่วยงานในสังกัดต้องไปเช่าโรงแรม เพื่อจัดอบรมสัมมนาในแต่ละปี ตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 120 ล้านบาท หากคำนวณไปเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว ในระยะเวลา 30 ปี จะคุ้มค่าก่อสร้างอาคารทั้งหมดแล้ว

#พรรคเพื่อไทย #อภิปรายงบ69 #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ