นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 1 ประเด็นการชูเครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่นตัวใหม่

เพื่อช่วยผลักดันโอกาสใหม่ให้ท้องถิ่น นำสินค้าท้องถิ่นมาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อส่งออกจำหน่ายไปทั่วโลก 

.

[สถานการณ์เศรษฐกิจไทยวันนี้ โตช้า โตไม่ไหว โตกระจุกตัว]

.

นางสาวกิตต์ธัญญา เริ่มต้นกล่าวว่าศรษฐกิจไทยในทุกวันนี้ “โตช้า” “โตไม่ไหว” และ “โตแบบกระจุกตัว”  ภาพของเศรษฐกิจที่พี่น้องคนไทยต้องการจะเห็นคือ ปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้  ธุรกิจเติบโตทั้งรายใหญ่และรายย่อย คนทำงานได้รับผลตอบแทนดี มีความมั่นคงในชีวิต

.

แต่ทุกวันนี้ เศรษฐกิจไทยโตช้าลง โตแบบกระจุกตัว และอุตสาหกรรมเก่าที่เราเคยพึ่งพากำลังล้าสมัย ไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

.

เราจึงเสนอให้ประเทศไทยมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ โดยเริ่มจากเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กเติบโตได้ และทุกคนมีรายได้มั่นคง

.

แม้ว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจจะโตช้า แต่เศรษฐกิจท้องถิ่นมีศักยภาพเติบโตสูง ซึ่งรายงานของธนาคารโลก ใน Thailand Economic Monitor ในปี 2023-2024 ชี้ให้เห็นว่าเมืองรองมีการเติบโตด้านผลิตภาพ (productivity growth) ที่เร็วกว่ากรุงเทพฯ มากถึง 15 เท่า 

.

 รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมองเห็น “ช่องว่าง” และ “ศักยภาพ” ของการเพิ่มศักยภาพของการจุดติดเครื่องยนต์ใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต-พัฒนา-เพิ่มมูลค่าสินค้า ควบคู่ไปกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในท้องถิ่น ที่หากผลักดันและสนับสนุนก็จะช่วยให้พี่น้องและลูกหลานของเรามีงานทำที่บ้านเกิดไม่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ 

.

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องการที่จะเร่งเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการส่งเสริมการผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงจัดสรรงบประมาณรวมกว่า 1,114,849,800 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบสี่ล้าน แปดแสนสี่หมื่นเก้าพันแปดร้อย) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากที่ช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ เช่น 

.

โครงการส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร งบประมาณ 166,792,400 บาท เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทยในระยะยาว และโครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร 93,263,700 บาท 

.

[ผลักดัน เครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่น]

.

รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยจะผลักดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่น จะยกระดับการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้า และบุกตลาดโลก นี่คือคำตอบของประเทศไทยในวันที่ “เครื่องยนต์เศรษฐกิจเก่า” กำลังถึงขีดจำกัด การ ยกระดับศักยภาพการผลิตสินค้าในท้องถิ่น เปลี่ยนทุนวัฒนธรรม วิถีชีวิต และทรัพยากรท้องถิ่นให้กลายเป็นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

.

เครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่น จะช่วยเปลี่ยนพื้นที่ในชุมชนให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ และพื้นที่ส่งเสริมความสร้างสรรค์ โดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา ชุมชนและภาคธุรกิจ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ลงมือจริง เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน ฝึกฝนทักษะธุรกิจจากผู้ประกอบการจริงๆ ซึ่งจะทำให้เกิดสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างวัยและสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเกิด

.

พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ประชาชนในท้องถิ่นมีศักยภาพพร้อม ทั้งฝีมือ ภูมิปัญญา และความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่พวกเขาขาดไม่ใช่ความสามารถ แต่คือโอกาสและการสนับสนุนจากรัฐ ดังนั้น รัฐบาลจะยกระดับศักยภาพการผลิตสินค้าในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นี่คือ DNA ที่เรามีมาตั้งแต่ในยุคของพรรคไทยรักไทยที่พร้อมจะก้าวไปพร้อม ๆ กับพี่น้องประชาชนทุกคน

.

[ผลักดัน Creative Economy ไปสู่ระดับประเทศและระดับโลก]

.

“ไม่ว่าจะเป็นรสมือของอาหารพื้นบ้าน ผ้าทอฝีมือครูช่าง เพลงหมอลำ หรือวิถีเกษตรแบบดั้งเดิม ทั้งข้าว อ้อย และวัวพื้นเมือง—สิ่งเหล่านี้คือ ‘ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม’ ที่ชุมชนสร้างขึ้นด้วยสองมือของตัวเอง

.

เขาออกแบบเอง ผลิตเอง และมีศักยภาพในการต่อยอดสร้างมูลค่าได้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐสามารถจัดสรรและกระจายทรัพยากรลงไปอย่างทั่วถึงและตรงจุด เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย 

.

[ยกระดับสินค้าชุมชน สู่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์แบบพรีเมียม]

กิตติ์ธัญญา ยกตัวอย่างการยกระดับ “สินค้าชุมชน” ที่เป็นทุนทางวัฒนธรรมของชาวบ้าน ให้เกิด “เศรษฐกิจสร้างสรรค์แบบพรีเมียม” อย่างของดีอุบลราชธานีบ้านดิฉัน ที่เพื่อนสมาชิกอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างตามร้านคอกเทลหรือบาร์ชั้นนำ นั่นก็คือสุราท้องถิ่นแบรนด์ “ซอดแจ้ง” สุราชุมชน จากอำเภอสว่างวีระวงศ์ ที่พลิกดินสู่ดาว จากอ้อยธรรมดาสู่สุราพรีเมียมที่คว้ารางวัลระดับโลก ทั้งในด้านรสชาติและงานออกแบบขวดที่ศิลปินท้องถิ่นร่วมกันสร้างสรรค์ ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของไทยอย่างงดงาม เป็นความภาคภูมิใจของคนบ้านเฮาที่ได้เห็นของดีในชุมชนเติบโตจากรากและเฉิดฉายในตลาดระดับโลก นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า “เครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่น” ของเรายังเติบโตได้ และไม่ได้เติบโตแค่ในประเทศนะคะเรายังสามารถเดินหน้าสู่ตลาดระดับโลกได้อีกด้วย

.

ตรงนี้คือจุดที่รัฐบาลมองเห็นมาตลอด ดังนั้นนอกจากจะสนับสนุนการยกระดับสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป GMP USDA และทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์อย่างการขึ้นทะเบียน GI แล้ว รัฐบาลยังพยายามผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แบบบูสบูส ให้ชาวบ้านและชุมชนสามารถร้อยเรียงเรื่องราว นำศิลปะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ และสามารถส่งผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไปสู่ “ตลาดพรีเมียมกำลังซื้อสูง” ที่มีอยู่ทั่วโลก

.

[จุดเครื่องยนต์เศรษฐกิจท้องถิ่น ในฐานะโอกาสใหม่ประเทศไทย]

.

ซึ่งทั้งหมดนี้ รัฐบาลตั้งใจจะขับเคลื่อนผ่าน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ด้วยวงเงินรวมกว่า 566.4125 ล้านบาท ผ่านโครงการต่างๆ เช่น

.

โครงการพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการสร้างสรรค์ 166.0852 ล้านบาท

โครงการเพิ่มมูลค่า SMEs ภูมิภาคด้วยคอนเทนต์ 108.5935 ล้านบาท

โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์และดิจิทัลคอนเทนต์ 133.6727 ล้านบาท

โครงการเหล่านี้จะส่งเสริมพี่น้องในแบบเชิงรุก เข้าไปช่วยพี่น้องยกระดับสินค้า ทำให้ท้องถิ่น ชุมชน สามารถเป็นผู้ประกอบการอย่างสร้างสรรค์ “มอง มุม กลับ แล้ว ปรับ มุม มอง ” การทำงานเพื่ออะไรใหม่ ๆ 

.

รัฐบาลที่นำโดยท่านนายกแพทองธารและพวกเราพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่ “กลไกเศรษฐกิจ” ที่ขับเคลื่อนอย่างโดดเดี่ยว แต่คือ “สะพาน” ที่เชื่อมระหว่าง วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ รายได้และการเติบโตของท้องถิ่น ให้ไปสู่เศรษฐกิจฐานรากแข็งแรง พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ทุกหัวระแหง  

.

งบประมาณประจำปี 2569 นี้ คือการลงทุนครั้งสำคัญ เป็นการลงทุนเพื่อความหวังของพี่น้องประชาชน เพื่อให้พี่น้องมีกิน มีใช้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยที่รัฐบาล “เชื่อมั่น วางใจ วางอนาคตไว้ในมือของคนตัวเล็กทั่วประเทศ” กิตต์ธัญญา กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย #อภิปรายงบ69 #อภิปรายงบปี69