ไทยเปิดเกมรุกทางการทูต “ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา-เดินหน้าฟื้นเจรจา JBC” ยืนยันอธิปไตยตามหลักสากล เดินหน้าจัดประชุมเองหากอีกฝ่ายยังไม่พร้อม
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันรุ่งขึ้น และได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาของฝรั่งเศส
.
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าผม และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่า เราจะต้องใช้กลไกที่เรามีทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันภายใต้ยุทธศาสตร์ และที่สำคัญที่สุด คือ อยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจาและหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่า ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศและเป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้
.
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเพื่อเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นั้น ตนไม่สามารถที่จะรับประกันได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชาที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ กัมพูชาจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัดประชุม เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน (1) การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ (2) การมานั่งพูดคุยว่า เราจะกำหนดหรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร
.
ในเรื่องการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้น เรามีหนังสือประท้วงกับฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว ว่าการกระทำของเรานั้นเป็นไปตามหลักสากล และเราต้องการที่จะแสดงการยืนยันสิทธิของเรา ในเรื่องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน หนังสือที่มีไปแล้วระบุอย่างชัดเจนว่า เราดำเนินการด้วยความเหมาะสม เป็นไปตามกลไกของกฏหมายระหว่างประเทศ และการปฏิบัติอย่างสากลทุกประการ
.
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เมื่อกลับไปถึงประเทศไทย ผมจะเรียกผู้บริหารทั้งหมดมาประชุมกำหนดท่าทีของเราให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ขอย้ำว่า ผมประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเรียกประชุมทางออนไลน์กับกระทรวงการต่างประเทศอยู่ตลอดเวลาเป็นระยะ ๆ เมื่อมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
.
ต่อกรณีที่ผู้นำกัมพูชาขอให้สภาฯ ลงมติส่งข้อพิพาทไปยังศาลโลกที่อาจจะกระทบกับ JBC รัฐมนตรีฯ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย ซึ่งก็เป็นสิทธิที่กัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรก็ได้ และก็เป็นสิทธิของประเทศไทยที่เราจะตัดสินใจอย่างไร เพราะประเทศไทยเราก็มีท่าทีชัดเจน ซึ่งในท้ายที่สุด ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ ได้มองภาพรวมให้เห็นอย่างชัดเจน กำหนดท่าที เพื่อที่จะวางนโยบายยุทธศาสตร์ที่เราจะไปเจรจากับกัมพูชา ขณะเดียวกันก็กำหนดมาตรฐานของเราว่า จะดำเนินการอย่างไรทั้งในกรอบของทวิภาคีความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งใช้กลไกที่มีอยู่ระหว่างประเทศด้วย
#ไทยกัมพูชา #เพื่อไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง
