นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ขอฝ่ายความมั่นคงประสานด่านเปิด – ปิดเวลาตรงกัน เพื่อประโยชน์การค้า ขอบคุณแม่ทัพภาค 2 – คนหน้างาน รับแรงกดดัน ชี้ไม่อยากให้เกิดกระแสใช้ความรุนแรง ต้องคิดถึงชีวิตคน ฝากเจ้าหน้าที่รัฐเร่งทำความเข้าใจ ปชช. หลังเกิดเฟกนิวส์ ปล่อยข้อมูลเกิดความวุ่นวาย ยกมหาดไทยเป็นบ้าน – ทหารคือรั้ว ช่วยกันรักษาอธิปไตย
วันนี้ (11 มิ.ย. 68) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงจังหวัดสุรินทร์ ทันทีที่เดินทางมาถึงได้มีชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รอให้การต้อนรับ และเดินทางมายังโรงพยาบาลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเป็นประธานการประชุมติดตามการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัด โดยมีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ถึงลักษณะภูมิศาสตร์ของจังหวัด และสถานการณ์ชายแดน โดยจังหวัดสุรินทร์เป็นพื้นที่ติดต่อกับกัมพูชา 125 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย 4 อำเภอ คือ บัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก โดยมีด่านถาวร 1 แห่ง คือด่านช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 แห่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ด่านได้เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08:00 น. – 22:00 น. ภายหลังจากมีมาตรการควบคุมชายแดน จะเปลี่ยนเวลาเปิด – ปิด เป็นวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 08:00 – 15:00 น. ซึ่งทางกัมพูชาก็มีการประกาศเลื่อนการเปิด – ปิดด่านเช่นกัน โดยเปิดเวลา 09:00 น. และปิดเวลา 16:00 น. ซึ่งจะทำให้มีเวลาที่เปิด – ปิดตรงกันเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ทำให้นายกรัฐมนตรีสอบถามว่า ในพื้นที่สามารถประสานได้หรือไม่ ให้เปิดเวลาตรงกัน ต้องให้หน่วยงานความมั่นคงดูว่าเปิดให้เท่ากันได้หรือไม่
ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 จึงกล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงจะลองประสานกับกองทัพฝ่ายกัมพูชาดู พร้อมยอมรับว่าอาจมีนัยบางอย่าง เหมือนมีลักษณะของการเมืองเล็กน้อย เพื่อชิงความได้เปรียบ และหลังจากนี้ ฝ่ายความมั่นคง ผู้ว่าฯ ในพื้นที่จะมีการหารือกันต่อไป
นายกรัฐมนตรีจึงระบุต่อว่า ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน เปิด – ปิดตรงกัน จะได้ค้าขายได้เท่ากัน อันนี้จะดีกว่า ขอให้ลองดู คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ที่ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์จริง บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และเมื่อสักครู่ได้มีการพูดถึงเรื่องหลุมหลบภัย ขอให้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยว่าต้องการซ่อมแซมแบบไหน เพราะชีวิตเด็กนักเรียน ต้องให้ความรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องใช้หลุมหลบภัย และอยากให้บรรจุอยู่ในการเรียนการสอนทุกปี ไม่จำเป็นต้องเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์ เพื่อให้เด็กๆ ทราบเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นว่าสถานการณ์ไหนควรใช้เมื่อไหร่
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณแม่ทัพภาค 2 ที่อยู่หน้างานตลอดและทราบถึงแรงกดดันมากๆ เพราะตนเองได้ติดต่อกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้นำฝ่ายกัมพูชา ได้ทราบและเห็นใจมากๆ ว่าอยู่หน้างานจริงไม่เหมือนกับตอนอยู่ข้างหลัง บางทีเกิดกระแสมากมาย คนหน้างานคือคนที่เห็นเหตุการณ์และต้องปรับตามสิ่งที่เกิดขึ้น ตนจึงพยายามเน้นเรื่องของสันติภาพและความสงบสุข และได้ทราบข้อมูลจากทางหน้างานจึงไม่อยากให้เกิดกระแสตีความว่าให้เกิดความรุนแรง ให้ลุย เพราะที่จริงแล้วต้องคิดถึงชีวิตของคนหน้างานว่ามีความกดดันสูง เมื่ออยู่ตรงนั้นเราเห็นอาวุธของกันและกัน เมื่อดูอาวุธ ดูความพร้อม หากต้องเกิดความไม่สงบจริงๆ หรือเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่จะเป็นเรื่องใหญ่ ตนเองพยายามสื่อสารเรื่องนี้ถึงความสงบสุข และเมื่อผู้นำคุยกันระหว่างนายกฯ กัมพูชา ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ และล่าสุดที่คุยกันก็อยากให้ทั้งสองประเทศเกิดความสงบสุข และตนขอยืนยันเรื่องการรักษาอธิปไตยเอาไว้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่ากระทรวงกลาโหม นั่นคือกระทรวงมหาดไทย เพราะมหาดไทยคือบ้าน ทหารคือรั้ว ต้องให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมในการดูแลบ้าน ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องทำงานร่วมกัน ประสานกันว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้างตามแนวชายแดน และในบ้านของเรามีที่ปลอดภัยพอหรือไม่ และมีของ หรือปัจจัย 4 พอหรือไม่สำหรับคนในบ้าน อันนี้คือเรื่องที่สำคัญ ต้องดูเรื่องนี้เป็นหลัก และช่วยเหลือกัน เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ การทำงานแบบบูรณาการก็จะเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องความสงบ ได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม และพลเอกณัฐพล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รายงานเสมอ ว่ามีกระบวนการ หรือข้อความแบบไหนที่ภายในคุยกันไว้แล้วยังไม่สามารถสื่อสารได้ เพราะการคุยกันระหว่างประเทศต้องเคารพกติกา และข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ระดับแม่ทัพคุยกัน ระดับทหารคุยกัน ระดับนายกรัฐมนตรีคุยกัน ระดับรัฐมนตรีกลาโหมคุยกัน ว่ากันว่าอย่างไร เราต้องบอกกันตลอดเพื่อให้การสื่อสารตรงกัน และไม่เข้าใจผิดกัน อันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเมื่อพูดกันไปมากๆ ทำให้เข้าใจผิดและเกิดเรื่องใหญ่ ตนพยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด พร้อมทั้งขอขอบคุณหน้างานที่เหนื่อยมากๆ ประสานงานกันจนประสบความสำเร็จ ขอบคุณกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ที่ร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถ รักษาอธิปไตยของเราไว้ รักษาความสงบสุขของบ้านเราไว้ ขอชื่นชมทุกคน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนประชาชนและเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน อะไรที่เกิดความเร่งด่วนและจำเป็น ขอให้แต่ละกระทรวงรายงานตรงมายังกระทรวง เพราะทั้งสองรองนายกฯ ก็ติดต่อตรงกับตนเองอยู่แล้ว ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยอยากให้ทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากในพื้นที่ว่าทำอะไรอยู่ จะได้เข้าใจตรงกัน ไม่เข้าใจผิด และไม่ให้ปล่อย Fake News อาจจะโดนไอโอบ้าง ไม่รู้มาจากไหน ก็มีการปล่อยข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด อันนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม โดยทุกท่านที่มีตำแหน่งตรงนี้มีความน่าเชื่อถือที่สามารถติดต่อประชาชนได้ สามารถบอกได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง ไม่เป็นเรื่องจริง อะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงก็ขอให้รีบแก้ ไม่อยากให้ขยายความไปมากกว่านี้ ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เป็นทีมเดียวกัน ยังไงประเทศไทยเป็นของพวกเราทุกคน เราต้องรักษาไว้และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราอย่างเต็มที่ รัฐบาลพร้อมซัพพอร์ตทุกหน่วย
“จากนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้นำหรือกองทัพ เป้าหมายเดียวกันคือการรักษาสันติภาพเอาไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดก็ว่ากันไปตามหัวข้อ แต่เรื่องที่จะดีลกันจะไม่เอามารวมกัน พูดคุยกันทีละข้อ เคลียร์กันแต่ละเรื่องไป” นายกรัฐมนตรีระบุ
#ชายแดนไทยกัมพูชา #เพื่อไทย