พรรคเพื่อไทย รับหนังสือ กลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรทะเลไทยยื่น 36,011 รายชื่อ ค้านปลดล็อกอวนตาถี่กลางคืนนอกเขต 12 ไมล์ทะเล หวั่นกระทบระบบนิเวศทะเลไทย

วันที่ 17 มิถุนายน 2568  นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ประธาน สส.พรรค และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวสกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร และ นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ  รับมอบหนังสือจากกลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรทะเลไทยที่มิใช่ประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ยื่น 36,011 รายชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขมาตรา 69 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งจะอนุญาตให้ใช้อวนตาถี่กับเครื่องมือขนาดใหญ่อย่างอวนล้อมนอกเขต 12 ไมล์ทะเลในเวลากลางคืน โดยมีกำหนดการเข้าพบพรรคการเมืองในวันที่ 17 และ 18 มิถุนายน 2568 นี้ เพื่อชี้แจงความกังวลถึงผลกระทบที่ไม่สามารถย้อนคืนได้ต่อระบบนิเวศและวงจรชีวิตสัตว์ทะเล

.

การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ สส. และ สว. ได้รับฟังถึงความเสี่ยงของการผ่านกฎหมายมาตรา 69 ซึ่งกลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรทางทะเล กังวลว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสมบูรณ์ของทรัพยากรทะเล กลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ของผู้ที่ใกล้ชิดกับทะเล อาทิ นักดำน้ำ นักตกปลา เชฟ ช่างภาพใต้น้ำ และนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล แม้จะมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในฐานะประมงพื้นบ้านหรือประมงพาณิชย์ แต่ก็มีความหวงแหนในทรัพยากรทะเลไทยเป็นอย่างยิ่ง และมุ่งหวังให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการเปิดประชุมสภาสมัยถัดไปในวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่จะถึงนี้

.

นอกจากการคัดค้านมาตรา 69 แล้ว กลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรทะเลไทยมิได้มีข้อขัดแย้งกับการแก้ไขบทบัญญัติอื่น ๆ ใน พรก.ประมง 2558 ที่สร้างความเดือดร้อนและเป็นบทลงโทษเกินความจำเป็นแก่ชาวประมงไทย อย่างไรก็ตาม กลุ่มยังคงมีข้อกังวลเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญอื่น ๆ อาทิ มาตรา 66 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมาตรการคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์น้ำหายาก และการปลดล็อกการขนถ่ายสัตว์น้ำกลางทะเล (transshipment) ที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาปัญหาสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ และนำไปสู่ผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงไทยในที่สุด นอกจากนี้ กลุ่มยังทวงถามความคืบหน้าของการดำเนินการตามมาตรา 57 ที่ห้ามจับสัตว์น้ำวัยอ่อน ซึ่งตั้งแต่ พรก.ประมง 2558 ประกาศใช้ ยังไม่มีการประกาศกำหนดขนาดของสัตว์น้ำวัยอ่อนที่ห้ามจับอย่างชัดเจน

.

“กลุ่มฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การยื่นรายชื่อและนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องทรัพยากรทะเลไทย และพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบระยะยาว ก่อนที่จะมีการตัดสินใจทางกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทยอย่างถาวร” ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้ทรัพยากรทางทะเล กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย