นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมอภิปราย พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมทั้งสิ้น 5 ร่าง โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดใจกว้างเพื่อเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรม โดยยกประสบการณ์ตรงในช่วงชีวิตตนเองที่ต้องประสบเหตุทางการเมืองหนีเข้าป่าในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ต้องสูญเสียน้องชายที่ใกล้ชิดจนทำให้รู้ว่า การให้อภัยเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้อภัยลูกหลานของพวกเราในคุกตาราง วันนี้เขาอาจอยู่ในคุก แต่วันหน้าเขาอาจลุกขึ้นมาเป็น สส.หรือนายกรัฐมนตรี ดังนั้น การนิรโทษกรรมคือการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่และเปิดทางให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

.

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่าตนเองนั้นได้รับอานิสงส์จากการนิรโทษกรรมจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 สมัยนั้นอยู่ในป่า ตนก็ถูกเรียกผู้ก่อการร้าย พออยู่ในเมืองก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมูนิสต์ โดนใส่ร้ายทุกวัน เพราะสังคมไม่เข้าใจ เกิดการเข่นฆ่าข่มขืน ลากศพแขวนขึ้นต้นมะขาม ทำร้ายลูกหลานอย่างรุนแรง

.

การนิรโทษกรรมตอนนั้น ใช้คำสั่งฝ่ายบริหารหรือนายกรัฐมนตรี โดยเป็นคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เพื่อนิรโทษกรรมให้เยาวชนคนหนุ่มสาวได้กลับมาใช้ชีวิต เรียนหนังสือกันอีกครั้ง พิษภัยจากความเห็นต่างทางการเมืองนี้ร้ายแรง วันนี้ผมลุกอภิปรายโดยไม่ต้องอ่านกฎหมายเลยเพราะนิรโทษกรรมเป็นเรื่องง่าย เพราะถ้าแค่เราจะอภัยให้เขา ทำไมเราต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

.

“ลูกหลานที่อยู่ในคุกตารางวันนี้ จะรู้ได้อย่างไร เขาอาจได้เป็น สส. เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต นิรโทษกรรมวันนี้คือนิมิตหมายที่จะให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้ ผมขอให้ทุกคนได้รำลึกอย่างน้อยน้องชายผมที่เคยเสียชีวิตจากความเห็นต่างที่จากไป ที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน ปล่อยลูกหลานเรา ให้เขามีอิสรภาพ เพื่อชาติบ้านเมือง นิรโทษไม่ถือโทษยกโทษให้ สันติสุขเกิดขึ้นได้แน่นอน” นายอดิศร กล่าว 

.

#พรรคเพื่อไทย #นิรโทษกรรม