‘สุชาติ’ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กราบนมัสการเจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออกรับแนวทางสังคายนาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน พร้อมชี้แจงกฎกระทรวงใหม่ ทุกวัดต้องนำเงินเข้าบัญชีธนาคาร วัดถือเงินสดจ่ายค่าน้ำ-ไฟไม่เกิน 1 แสน สั่งส่งรายงานการเงินทุกเดือนและรายปี เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ หากไม่ทำถือว่าฝ่าฝืน

วันที่ 14 กรกฎษคม 2568 เวลา 14.30 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออกและสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อรับแนวทางปฏิบัติในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที ว่าเรื่องของพระสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม(มส.) ได้มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา และมอบหมายให้ตำรวจที่ไปดำเนินการจับกุม อย่างน้อยต้องรายงานไปที่เจ้าคณะหนหรือพระผู้ใหญ่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับพระที่ปฏิบัติมิชอบโดยเฉพาะวันนี้ ก็มาฝากท่านว่า ความจริงแล้วที่ตำรวจไปทำ อาจจะไม่รู้ลึกซึ้งเท่ากับสำนักพุทธศาสนา(พศ.) เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทางพศ.บูรณาการไปกับตำรวจด้วย จะไปจับตรงไหนก็แล้วแต่ ขอข้อมูลไปให้พศ.ด้วยแล้ว รวมถึงเอาข้อมูลมาให้พระผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาหรือเป็นเจ้าคณะหน เพื่อที่ท่านจะได้ดำเนินการต่อไป ซึ่งท่านก็ได้สั่งการไปส่วนหนึ่งแล้ว เราอยากให้บูรณาการ กับพศ.ด้วย ซึ่งเราต้องแก้ไขโดยมหาเถรสมาคม ร่วมกับพศ.ในการจะออกกฎระเบียบ ประกาศกระทรวงต่างๆ 

.

ผู้สื่อข่าวถามว่าพระสมเด็จท่านได้แจ้งหรือไม่ว่า ได้ส่งหนังสือถึงพระที่หายตัวไปหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า สมเด็จท่านปรารภอยู่เหมือนกันว่า ก็พยายามจะตามมา เพราะท่านก็เป็นกังวลกับปัญหาตรงนี้ กับเรื่องที่ทำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา ท่านก็เป็นกังวลมากและพยายามรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ

.

ผู้สื่อข่าวถามถึงพ.ร.บ. ที่จะคุ้มครองที่มหาเถรสมาคม (มส.) ให้คณะสงฆ์ได้ปรับแก้แทนที่จะออกพ.ร.บ.ใหม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เห็นทาง มส. บอกแบบนั้น แต่ก็ต้องปรึกษากันใหม่ เพราะจะทำวิธีการใดที่จะแก้พ.ร.บ.สงฆ์ที่มีมาตั้งแต่พ.ศ.2505 หรือจะร่างพรบ.ขึ้นมาใหม่ ซึ่งหลักการมันอยู่ที่จะดำเนินการอย่างไรที่จะเอาผิดสีกาที่ไปเสพเมถุน กับพระที่ประพฤติปฏิบัติผิดแบบนี้ ซึ่งต้องไปดูว่าจะเอาผิดอย่างไรได้ ถือเป็นหลักการอย่างหนึ่ง แต่จะเป็นกฎหมายของสงฆ์หรือกฎหมายที่ร่างขึ้นมาใหม่ อะไรก็แล้วแต่ ขอให้มันเร็วก็แล้วกัน เพราะเราต้องการความเร็วในการแก้ไข ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์แบบนี้จะกระทบศรัทธาของประชาชน ซึ่งตนมองว่าแบบนี้แย่ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็จะเกิดเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ พวกเราก็เป็นกังวลมาก

.

เมื่อถามถึง การเอาผิดสีกากอล์ฟ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา206 ที่สามารถเอาผิดผู้ใดที่ทำการดูหมิ่นศาสนา จะถือว่าเข้าข่ายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่าตนขอนำเรื่องนี้ไปพิจารณาก่อน ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้กับทาง พศ.ไปแล้ว โดยจะต้องนำตัวสีกากอล์ฟมาดำเนินการสอบสวน 

.

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ นายสุชาติ ได้หันหน้า ไปพูดกับเจ้าหน้าที่ พศ.ด้วย โดยสั่งการให้ไปศึกษาการเอาผิดตามมาตรา 206 ซึ่งอะไรที่สามารถกระทำการได้อย่างรวดเร็ว จะต้องนำผู้กระทำความผิดมาให้ได้ แต่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฉ้อโกงหรือหลอกลวง รวมไปถึงความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ต้องดูว่าเข้าข่ายในเรื่องใด 

.

เมื่อถามว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความกังวลใจ เพราะทาง พศ.เองยังไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดสีกากอล์ฟ ทำให้คดียังไม่สามารถเดินหน้าได้ นายสุชาติ ได้หันไปถามย้ำกับ เจ้าหน้าที่พศ.ว่า เอาอย่างไร พร้อมกับสั่งการให้เร่งศึกษาในประเด็นนี้โดยด่วน 

.

“นักข่าวได้เสนอประเด็นนี้ขึ้นมา ทำไมทางพศ.ถึงไม่รู้เรื่องขณะที่คนอื่นกำลังหาช่องทางกฎหมาย ผมก็ได้กำชับไปหลายครั้งแล้ว เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนตัวเองและประชาชนเองก็กังวลใจ ซึ่งตนเพิ่งจะมารับตำแหน่งนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มีกรณีนี้เป็นเรื่องรับน้องแล้ว ก็ยอมรับว่าผมกังวลเรื่องนี้มาก จึงได้มาขอคำแนะนำกับท่านสมเด็จฯ ทั้งสองรูปในวันนี้ 

.

เมื่อถามว่าทางพศ.ได้รายงานแล้วหรือยัง ว่าพระที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟนั้นได้มีการโอนเงินโดยเสน่หาหรือว่าถูกหลอก นายสุชาติ กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปข้อมูลให้ ซึ่งวันนี้ก็จะทำหนังสือไปทาง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ ร่วมดำเนินการสอบสวน ซึ่งหากพศ. ดำเนินการล่าช้าตนก็จะเล่นงาน จึงอยากให้ทางตำรวจส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ทาง เจ้าคณะหนฯ ทั้งหมด และส่งมาที่สำนักพระพุทธศาสนา และย้ำว่าตนร้อนใจในเรื่องนี้มาก 

.

ผู้สื่อข่าวถามถึงพ.ร.บ.สงฆ์ ที่จะมีการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องเงิน นายสุชาติ กล่าวว่า ต้นตอของปัญหา ต้นเหตุที่เกิดปัญหา กระบวนการหลอกพระ ก็มาจากการที่พระมีเงินมีทรัพย์เยอะ และหลอกง่ายที่สุด เมื่อพระถูกแบล็คเมล์หน่อยก็ต้องโอนเงินให้ พฤติการณ์นี้ทำเป็นขบวนการ ซึ่งเราก็พยามที่จะทำ เพื่อแก้ปัญหาต้นเหตุ เมื่อพระมีทรัพย์มาก และมีการใช้จ่ายโดยไม่มีการควบคุม ก็ต้องแก้ด้วยการออกกฎกระทรวง ว่าทุกบาททุกสตางค์ของวัด ต้องเอาเข้าบัญชีธนาคาร เงินสดที่วัดอาจจะถือได้ก็ต้องห้ามเกิน 100,000 บาท  ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟ และทุกบัญชีนั้นก็ต้องฝากธนาคารทั้งหมด และทุกเดือน จะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องสรุปรายงานบัญชีประจำปีด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการร่างแบบฟอร์มไว้หมดแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

.

ซึ่งวัดทุกวัดจะต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน รวมทั้งจะให้สำนักพระพุทธศาสนา จะดำเนินการย้อนดูธุรกรรม สำหรับวัด ที่พบความผิดปกติ ซึ่งตนก็เคยให้นโยบายกับสำนักพุทธฯ ไว้ว่าต้องทำงานเชิงรุกไม่ใช่ทำงานเชิงรับ ทุกวันนี้ทำงานเชิงรับให้ตำรวจไปจับเพียงอย่างเดียว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ จะต้องไปสอดส่องดูพฤติกรรมของพระในทุกวัดทุกพื้นที่กับชาวบ้านและชุมชน ไม่ใช่รอให้ตำรวจทำคดีอย่างเดียว จะต้องไปปราบก่อนเหตุบานปลาย แต่ในขณะนี้แม้ยังไม่มีมีการตั้งชุดทำงานดังกล่าว ก็ขอให้พุทธศาสนาจังหวัดดำเนินการตรวจสอบ พฤติกรรมของพระในแต่ละวัดจากข่าวซุบซิบของชาวบ้าน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์ ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศทั้งหญิงและชาย ซึ่งจะมี ความผิดวินัยสงฆ์ และส่งดำเนินคดีอาญาด้วย 

.ขอบคุณ แนวหน้า https://www.naewna.com/politic/899019