ภูมิธรรม สั่งล้างบางยาเสพติด! ฟัน ขรก.เกี่ยวข้อง ใช้กลไกราชการเข้ม ย้ำ ปชช.คือหัวใจสำคัญ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “โอกาสไทย” ตอนที่ 6 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ

.

นายภูมิธรรมกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “SEAL STOP SAFE” โดยย้ำถึงสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะกำลัง “คน” ที่เป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ กลไกทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย จึงหวังว่าจะใช้กลไกนี้ในการแก้ปัญหา โดยเมื่อได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่ครอบครัวต้องประสบกับการสูญเสียเนื่องจากปัญหายาเสพติด จึงได้มีการหารือพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนกระทรวงมหาดไทย เพราะเห็นว่ากลไกเหล่านี้ยังไม่สามารถทำงานประสานกัน

.

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการเข้มข้นในการแก้ปัญหายาเสพติด การคอร์รัปชัน และส่วยต่าง ๆ ว่า เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งประชาชนในพื้นที่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน แต่เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงผู้มีอำนาจในการใช้กฎหมาย แต่ไม่แก้ปัญหา ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า จะดำเนินการและเอาจริง หากเจอ จะสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ทันที และหากพบว่าปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนสนับสนุน จะใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ ประชาชนมีส่วนสำคัญอย่างมากในการชี้เบาะแส สามารถจับกุมยาเสพติดได้จำนวนมาก โดยเฉพาะตามจุดพักยาจังหวัดต่าง ๆ เช่น จังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี เป็นต้น รวมไปถึงการประสานงานกับตำรวจสากล (INTERPOL) ในการขยายผลการจับกุมยาเสพติดนอกประเทศด้วย การดำเนินการดังกล่าวเพื่อสร้างกลไกให้เข้มแข็งและแข็งแรงในการเป็นเครื่องมือปราบปรามไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นก็คือ เจ้าพนักงานปกครอง และฝ่ายปกครองทั้งหมด

.

“เราต้องการที่จะได้ข่าวที่ชัดเจน แม่นยำ เที่ยงตรง พี่น้องประชาชนเป็นคนที่จะบอกเบาะแส ต้องการที่จะแก้ปัญหาของเขา จากที่ผ่านมาที่มีเจ้าหน้าที่ละเลย ไม่ปฏิบัติอย่างเข้มข้น ตอนนี้ทำอย่างเข้มข้น ก็จะหมดไป ทุกอย่างจะเป็นองคาพยพที่สอดรับกัน เดินในทางที่หมุนกลับทั้งหมด สามารถแก้ไขปัญหาได้เพิ่มมากขึ้น ได้พลังคนกลับมาพัฒนาประเทศมากขึ้น ได้สถาบันครอบครัวกลับมา ทั้งหมดนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมได้ เพราะฉะนั้นขอให้เราเอาจริงเอาจัง” นายภูมิธรรมกล่าว

.

รองนายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงมาตรการ “SEAL STOP SAFE” ในการปราบปรามยาเสพติดว่าเป็นการดำเนินการที่ให้ความสำคัญตามแนวชายแดน โดยมีหลักการที่ว่า ประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่เป็นทางผ่านของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น การปราบปรามยาเสพติดอย่างยั่งยืนที่สุด ต้องป้องกันไม่ให้ยาเสพติดไหลทะลักเข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แรก เมื่อป้องกันได้แล้ว ก็จะกวาดล้างยาเสพติดในประเทศให้หมดไปง่ายขึ้น และจะช่วยให้ผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดกลับออกมาอยู่ในสังคมที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่กลับไปติดยาอีก ซึ่งการ “SEAL” ประเทศตามแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นและป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้ามา โดยเฉพาะการเฝ้าระวังในเส้นทางต่าง ๆ และช่องทางทางธรรมชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยสำหรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

.

รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า นอกจากการบูรณาการการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว ประชาชนก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในการแจ้งเบาะแส โดยขณะนี้เปิดให้มีการแจ้งเบาะแสได้ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน โดยรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการ “SEAL STOP SAFE” มาประมาณ 3 – 4 เดือนแล้ว แม้ผลการดำเนินการมีตัวเลขและเปอร์เซ็นต์ที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นในขั้นต่อไปจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในเฟสที่สอง และเฟสที่สาม ซึ่งกลไกของกระทรวงมหาดไทยสามารถช่วยได้มาก และเป็นหัวใจสำคัญของการนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชน เพราะเป็นกลไกที่ลงไปตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ไปจนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกถึง 600,000 – 700,000 คน ซึ่งเป็นประชาชนที่เป็นจิตอาสา เชื่อมั่นว่าหากกลไกทั้งหมดร่วมมือกันอย่างแท้จริงจะสามารถแก้ปัญหาได้มาก

.

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้นโยบายที่ชัดเจนว่า ตนพร้อมจะไปตรวจติดตามงานในพื้นที่โดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อจะได้เห็นการปฏิบัติงานตามความเป็นจริง ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาของชาติ รัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ อยากให้ทุกคนเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

.

รองนายกรัฐมนตรียังย้ำถึงปฏิบัติการ “SEAL STOP SAFE” ในอนาคตว่า รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้นแน่นอน อยากให้การดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ประชาชนมีความรู้สึกว่าเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ซึ่งเบื้องต้นดำเนินการในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้ทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด ให้ทำงานอย่างเต็มที่จริงจัง นำผลมาสรุป และทำต่อเนื่องไปจนจบ

.

“กลไกของรัฐทั้งหมดต้องทำหน้าที่ คือเป็นกลไกสนับสนุนส่งเสริมการแก้ปัญหาของสังคม และทำให้ประชาชน และสถาบันครอบครัวเข้มแข็ง มีบทบาทในการช่วยรัฐ ผลักดันในเรื่องต่าง ๆ พลังของมวลชนที่เข้มแข็งเหล่านี้จะเป็นพลังสำคัญที่ดีในการขับเคลื่อนตรวจสอบและทำให้เกิดความร่วมมือกัน เพราะการแก้ปัญหายาเสพติดที่ดีที่สุดหัวใจสำคัญส่วนหนึ่งอยู่ที่การข่าว หากการข่าวดี ควบคู่กับความเข้มแข็งของระบบกลไกที่รัฐบาลวางไว้ จะเป็นกำลังสำคัญสกัดกั้นยาเสพติดที่เข้าประเทศหรือสารตั้งต้นที่จะก่อให้เกิดยาเสพติด จึงขอฝากหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง ทำงานร่วมกัน อันจะส่งผลไปสู่การเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย” นายภูมิธรรมกล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย #ภูมิธรรมเวชยชัย #โอกาสไทย #ปราบยาเสพติด