วันที่ 29 กรกฎาคม 2568  ตั้งแต่เวลา 17.00 น.-19.00 น.ที่ผ่านมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) สรุปประเด็นตอบโต้และข้อมูลสำคัญใน 3 ประเด็นได้แก่ 

1. ไทยไม่ได้ใช้อาวุธชีวภาพ 

.

จากกรณีสื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลโดยอ้างอิงจาก “เฟซบุ๊กแฟนเพจ” ซึ่งระบุว่าเป็นของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และมีการกล่าวหาอย่างร้ายแรงว่าไทยใช้อาวุธชีวภาพในการโจมตีในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และคาดว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นบัญชีปลอม และเป็นความพยายามอย่างชัดแจ้งในการบิดเบือนข้อเท็จจริง

.

รัฐบาลยืนยันว่า การปฏิบัติการของกองทัพไทยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC) และองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons: OPCW)  ประเทศไทยไม่มีนโยบายหรือแนวปฏิบัติในการใช้หรือพัฒนาอาวุธชีวภาพหรืออาวุธต้องห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น การปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน มิใช่สงครามเต็มรูปแบบ และกองทัพไทยยังคงดำรงจริยธรรมทางการทหารอย่างสุภาพบุรุษเสมอมา

.

2. ไทยไม่ได้ใช้ระเบิดคลัสเตอร์  

.

จากกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาได้ออกจดหมายจากกรุงพนมเปญ ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไปยังผู้แทนถาวรของฟิลิปปินส์ประจำสหประชาชาติ และองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรัฐบาลไทยเชื่อว่า มีการออกจดหมายฉบับนี้ก่อนที่จะมีการเจรจาหยุดยิงที่เมืองปุตราจายา ในมาเลเซีย

.

จดหมายดังกล่าว ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาโดยหน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ขอส่งหนังสือด่วนฉบับนี้ เพื่อแจ้งการกระทำที่ร้ายแรงและทวีความรุนแรงขึ้นของกองทัพไทย ที่มีการใช้ระเบิดลูกปราย (cluster bomb) หรือ ระเบิดพวง อย่างผิดกฎหมายในดินแดนกัมพูชา

.

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยขอย้ำว่า ไม่เคยใช้อาวุธดังกล่าว และรัฐบาลยืนยันการปฏิบัติทางทหารอย่างถูกต้อง เป็นสุภาพบุรุษทางทหาร โดยไทยเป็นฝ่ายถูกรุกรานและต้องปกป้องอธิปไตย

.

3.สถานการณ์ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำวันนี้ เสียงปืนเบาลง

.

รัฐบาลสั่งการให้วอร์รูมที่จัดตั้งขึ้นในนามของ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยมีพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม  เป็นหัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจฯ  ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและให้เป็น “วอร์รูม ”ศูนย์รวมในการสั่งการและรับข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

.

โดยเฉพาะหลังจากการเจรจาหยุดยิงที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซียวานนี้ ศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้ประชุมและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงโดยจะรับฟังข้อมูลจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพเรือ่ที่ดูแลจังหวัดจันทบุรีและตราด  

.

ทั้งนี้ ศบ.ทก.จะมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งสถานการณ์ชายแดน 7 จังหวัดอย่างต่อเนื่องและหากมีเหตุการณ์สำคัญหรือภารกิจเร่งด่วน ก็ให้ดำเนินการประสานงานสั่งการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชน ผ่านทุกช่องทางของทำเนียบรัฐบาลและกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อไป

.

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าสำหรับสถานการณ์  โดยในเวลา 10.30 น. มีการพบปะอย่างไม่เป็นทางการระหว่างแม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา  ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว  และแม่ทัพภาคที่ 2 พบกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา เวลา 10.00 น. ณ ช่องจอม จ.สุรินทร์  สรุปผลหารือเบื้องต้น ดังนี้

.

1. ต้องหยุดยิงในพื้นที่ขัดแย้งทันที

2.ห้ามยิงใส่ประชาชนโดยเด็ดขาด

3.งดการเสริมกำลังทหารเพิ่มเติม

4.ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังพลไปแนวชายแดน

5.ให้อำนวยความสะดวกในการส่งตัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกับประเทศต้นทางอย่างปลอดภัย

.

นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงเพิ่มเติมในการจัดตั้งชุดประสานงานแก้ไขปัญหาร่วมฝ่ายละ 4 คนโดยจะมีการนัดหารือเพิ่มเติมอีกครั้ง ในการประชุม GBC ในวันที่ 4 สิงหาคม นี้

.

ส่วนการหารือชายแดนไทยกัมพูชาด้านตะวันออกของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด นั้น   ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.)ได้พบหารือทางออนไลน์กับ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกัมพูชา ทางระบบออนไลน์ เวลา 9.00 น. ณ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ต่อมา เวลา 13.00 น. ได้พบกัน ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี มีข้อสรุป ดังนี้

.

1.ให้ทั้งสองฝ่ายได้หยุดยิงตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมาตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา

2.จะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธจากที่อยู่ในปัจจุบัน

3.หลังจากที่มีการประชุม GBC จะจัดให้มีการประชุม RBC ที่จังหวัดไพลินเพิ่มเติม และ

4.จะมีการพูดคุยกันและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เหมือนเดิม

.

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ที่ประชุม ศบ.ทก.โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธานในการประชุมพรุ่งนี้(พุธที่ 30 กรกฎาคม 2568) เวลา 09:30 น. โดยให้ติดตาม ประเด็นสำคัญ ดังนี้

.

1.ติดตามการละเมิดการหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา / แนวทางการตอบสนองของไทย

2.ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการของกลไก RBC ไทย – กัมพูชา

3.การเตรียมความพร้อมของที่พักพิงในพื้นที่ชายแดน

.

ทั้งนี้ วอร์รูม ของ ศบ.ทก.จะสรุปประเด็นของสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันในวันพรุ่งนี้ นายจิรายุฯ กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย