‘มท.2 ธีรรัตน์’ Kick Off แก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ในพื้นที่ 5 อำเภอของเชียงใหม่ ย้ำ รัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้านผู้แทน UNHCR ชื่นชมรัฐบาลไทย พร้อมยกเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประวัติศาสตร์โลก

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน Kick off การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์แก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานานและกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 พื้นที่อ.ฝาง เวียงแหง แม่อาย ไชยปราการ และอ.เชียงดาว จำนวน 2,000 คน ณ ที่ว่าการอำเภอฝาง ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

.

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมพัฒนาทุกคนให้ได้มีชีวิตที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดี เราจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มกำลัง  ด้วยการทำงานอย่างต่อประสานกันทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ ทำให้เจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่กำหนดหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร อันถือเป็นก้าวสำคัญของในการผลักดันการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) ส่งผลให้บุคคลได้รับสถานะที่ถูกต้องตามสิทธิที่พึงได้รับตามกฎหมาย สามารถเข้าถึงสิทธิการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างถาวร สามารถเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ได้รับสวัสดิการจากรัฐในฐานะประชาชนคนไทย

.

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นรากฐานแห่งสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งเป็นการแสดงเจตจำนงของรัฐในการ “ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค” ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศไทยจะต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเดียวกันให้เป็นธรรมและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม ส่งผลให้รัฐบาลได้รับคำชื่นชมจาก UNHCR ว่า เราเป็นประเทศที่พัฒนาในเรื่องนี้ตามคำมั่นสัญญาที่เราได้ให้ไว้ว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ให้ข้างหลัง” และเราจะต้องก้าวเดินไปด้วยกันด้วยการลดความเหลื่อมล้ำให้ได้อย่างสูงสุด ทำให้ทุกคนได้รับการเข้าถึงบริการภาครัฐให้ได้

.

“ขอให้ระลึกไว้เสมอว่าพวกเราทุกคนและลูกหลานของเราเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ มีความสามารถ สามารถที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้ ขอให้ทุกคนภูมิใจในความเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร เราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน ด้วยความรักความสามัคคีของทุกคนที่มีอยู่แล้ว และต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ทำให้เกิดสิ่งที่ดีต่อพี่น้องประชาชนคนไทยของพวกเราทุกคน” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว

.

ด้านนายคิน ชัม ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNHCR) กล่าวว่า ภายใต้ความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรีไทยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา การได้รับการยอมรับนี้จะเกิดขึ้นกับคนไร้รัฐไร้สัญชาติกว่า 4.8 แสนคน ซึ่งรัฐบาลไทยได้แสดงออกถึงความกล้าหาญเปิดใจที่จะยอมรับและมีความเห็นอกเห็นใจที่ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังหาได้ยากในประวัติศาสตร์โลกอีกด้วย เพราะเป็นที่ทราบกันว่าคนไร้รัฐไร้สัญชาติมีจำนวนประมาณ 4.5 ล้านคนในเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก และจำนวนที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก แต่ยังไม่เคยมีประเทศใดที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของคนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วเช่นประเทศไทยมาก่อน

.

นายคิน ชัม กล่าวอีกว่า ในฐานะหน่วยงานของสหประชาชาติที่ได้รับมอบหมายให้แก้ไขปัญหาภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ UNHCR รู้สึกเป็นเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกส่วนงานในวันนี้ และได้ร่วมเดินทางเคียงข้างประเทศไทยนับตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทางเพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ เมื่อครั้งกระทรวงมหาดไทยเริ่มจดทะเบียนบุคคคลไร้รัฐไร้สัญชาติสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังในการเร่งรัดกระบวนการให้สัญชาติไทยและสถานะต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้มติคณะรัฐมนตรี ระยะเวลาในการดำเนินการจากหลายเดือนเหลือเพียง 5 วัน ดังนั้น มติคณะรัฐมนตรีนี้มิได้เป็นเพียงก้าวสำคัญทางนโยบายเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศถึงการมีส่วนร่วมและความเป็นเอกภาพของชาติ เพราะแม้ว่าการลดระยะเวลาในการดำเนินการจะฟังดูเหมือนเป็นงานเอกสาร แต่สำหรับคนจำนวน 4.8 แสนคน ซึ่งรวมทั้งหลาย ๆ ท่านที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ มันมีความหมายมากกว่าเอกสารฉบับใหม่ที่ได้รับ เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรี ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง รวมถึงโอกาส และยังจะหมายถึงการศึกษา การรักษาพยาบาล การทำงาน และการได้รับความคุ้มครองจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งสำหรับประเทศไทย สิ่งนี้จะหมายถึงการปลดล็อกศักยภาพที่มีอย่างเต็มเปี่ยมของประชากรเกือบครึ่งล้านคนให้สามารถร่วมสร้างประเทศชาติและเศรษฐกิจของประเทศไทย

.

ด้านคิน ชัม ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNHCR)  “UNHCR ภูมิใจที่ได้สนับสนุนความพยายามนี้ เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทย ภาคประชาสังคม และชุมชนไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนใหม่ การป้องกันการทุจริต และเข้าถึงชุมชนต่าง ๆ แม้กระทั่งในพื้นที่ห่างไกลที่สุดของประเทศ นี่คือ “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และ UNHCR ชื่นชมรัฐบาลไทยเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำคำพูดมาสู่การปฏิบัติ นี่คือเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ และเหมาะสมอย่างยิ่งที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และกับชุมชนที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้” นายคิน ชัม กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย #ธีรรัตน์สำเร็จวาณิชย์ #ให้สัญชาติไทย #สิทธิมนุษยชน