‘ลิณธิภรณ์’ ชี้พรรคประชาชนเป็น “สารฟอกขาว” ให้นายกฯ อนุทิน  ทั้งที่มีข้อกังขาเรื่องฮั้ว สว. และเขากระโดง อ้างแต่คำสวยๆ  MOA แก้แต่เรื่องการเมือง ไม่สนใจปากท้อง เลื่อนลอยกับความหวังแก้รัฐธรรมนูญ

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของพรรคประชาชนในลงมติ  รับรองนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่าการลงคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน เท่ากับทำหน้าที่เป็น “สารฟอกขาว” โดยสมบูรณ์ให้กับพรรคการเมืองที่ถูกสังคมตั้งคำถามเพราะไม่เพียงแต่ถูกครหาเรื่อง คดีฮั้ว สว. หากยังพัวพันกับคดีที่ดินเขากระโดง ทั้งหมดสะท้อนความไม่สง่างามในการดำรงตำแหน่ง ทั้งความโปร่งใสและการขาดความน่าเชื่อถือที่ยังคาราคาซังอยู่ของรัฐบาลนายกฯ อนุทิน 

.

ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ข้ออ้างที่ว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ฉีก MOU ไม่รวมกับพรรคก้าวไกล ตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2566 ล้วนมาจากพรรคก้าวไกลรวมเสียง สว.ไม่ได้ และพรรคภูมิใจไทยไม่ยอมรับเงื่อนไขการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคประชาชน ดังนั้น หากวันนี้เมื่อพรรคประชาชนเลือกที่จะยกมือให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับการหันหลังให้ประชาชน และไม่ได้ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่เข้าหลักเกณฑ์ประชาธิปไตย  ขณะเดียวกัน พรรคประชาชนกลับหันหลังให้แนวทางการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาขน ซึ่งเป็นวิถีทางประชาธิปไตย แต่ไม่ทำ กลับทำหน้าที่เป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทยแทน 

.

ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า การกล่าวอ้างว่าเพื่อไทยมีดีลลับกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นข้อกล่าวอ้างที่เลื่อยลอย บิดเบือนสังคม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรีแล้ว ไม่มีทางคิดกลับมารับตำแหน่งทางการเมือง 

.

แต่ดีลลับกรณีพรรคประชาชนอาจจะมีหรือไม่เพราะหลายฝ่ายตั้งคำถาม กรณี 44 สส. พรรคประชาชน ที่กำลังถูก ปปช. กดดันอย่างหนัก ยิ่งเห็นชัดในข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ท้้ง 5 ข้อจากพรรคประชาชน ก็เน้นแต่อำนาจทางการเมือง แต่กลับไม่มีเงื่อนไขข้อใดใส่ใจดูแลปากท้อง ยาเสพติด หรือการยกระดับคุณภาพการศึกษา เพราะสำหรับประชาชน รัฐธรรมนูญสำคัญไม่เท่าปัญหาปากท้อง ข้อเสนอ ทั้ง 5 ข้อที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ คำว่ารักประชาชน จึงเป็นเพียงคำลวงๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยกมือสนับสนุนนายอนุทินเท่านั้น    

.

#พรรคเพื่อไทย