“ลิณธิภรณ์” ถามพรรคประชาชนจะรับผิดชอบอย่างไร? หลังเป็นนั่งร้านรัฐบาลภูมิใจไทย มีพลังดูดแข็งแกร่งกลายร่าง “รัฐบาลเสียงข้างมาก”

นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว กรณี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พร้อมกลุ่ม สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ดินเนอร์มื้อเย็นหวานฉ่ำ ส่งสัญญาณรวมขั้วรัฐบาล ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนชัดเจนถึงความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองตามที่พรรคประชาชนประกาศในบันทึกความตกลง (MoA) เรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย

.

นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าวว่า แม้ MoA ของพรรคประชาชนจะระบุให้พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และรักษาสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้พิสูจน์แล้วว่า เป็นไปไม่ได้เลย การเป็นนั่งร้านของพรรคประชาชนกำลังออกดอกออกผลให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอนุทิน ชาญวีรกุล ที่พรรคประชาชนไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ อำนาจรัฐของ รัฐบาล ภท. กลายเป็นพลังดูด สส. และนักการเมืองเข้ามาเสริมกำลังให้รัฐบาลอยู่ดี

.

นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีรัฐบาลใดที่ได้รับอำนาจบริหารจากการสนับสนุนโดยเสียงของฝ่ายค้านเพื่อให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย คำถามต่อมาจึงไม่ใช่แค่ เรื่องแก้ รธน.ได้หรือไม่ ? เพราะอุปสรรคที่แท้จริง คือ สว. บางส่วนไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะรับผิดชอบอย่างไร อยากฟังคำตอบชัดๆ อย่ามัวแต่เล่นเกมส์เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น เรียกร้องพรรคเพื่อไทยมาร่วมกันเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลที่มาจากพรรคประชาชน

.

“สิ่งที่เกิดขึ้นคือเกมส์การเมืองที่กำลังส่งสัญญาณลดทอนอำนาจของประชาชน และไม่ได้สร้างสังคมการเมืองที่เข้มแข็ง แต่อาจกลายเป็นการเพิ่มอำนาจองค์กรอิสระให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นภายใต้ สว. ที่สังคมคลางแคลงใจ ก่อนจะเรียกร้องความร่วมมือจากพรรคเพื่อไทยช่วยแสดงจริงใจ ให้เห็นความรับผิดชอบในการกระทำก่อนนะคะ ความร่วมมือถึงจะเกิดขึ้นได้ ” นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าว

.

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ้ายค้านของพรรคประชาชนว่า พรรคประชาชนอย่าเงียบต่อกรณีการรวมพลเข้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังมีการเปิดตัวเครือข่าย สส.ทั้งเก่าและใหม่ ตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกภูมิใจไทยกันอย่างคึกคัก ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์และรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งส่อเจตนาขัดต่อ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ในข้อ 4 อย่างชัดเจนว่า “พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก“ หรือพรรคประชาชนจะแกล้งหลับหูหลับตา รอให้พรรคภูมิใจมีเสียงเกินครึ่งเด็ดขาดก่อน จึงจะออกมาวิจารณ์เรื่องนี้เมื่อสาย 

.

นายชนินทร์กล่าวว่า นอกจากนั้น ในส่วนของการแก้รัฐธรรมนูญเอง ที่พรรคประชาชนรู้ดีว่าที่ผ่านมาติดขัดจากความร่วมมือของพรรคภูมิใจไทยและ สว.ที่พรรคประชาชนก็กล่าวขานว่าเป็น สว.สีน้ำเงิน แต่การขับเคลื่อนในรอบนี้กลับไม่มีการเรียกร้องหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ส่งสัญญาณชี้ทาง สว. เหมือนแต่ก่อน แต่ปล่อยให้ สว. จำนวนหนึ่งออกมาชี้ช่องเปิดทางคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่ทางพรรคการเมืองกำลังจะเสนอ จนต้องตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย มีความจริงใจร่วมกันต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แค่ไหน หรือนี่ก็จะเป็นมวยล้มต้มคนดู โยนบาปให้ สว. แล้วลอยตัวไม่รับผิดชอบต่อข้อตกลงที่ทำร่วมกันเองเหมือนเดิม

.

“พรรคประชาชนสร้างวาทกรรม ‘ดีลแลกประเทศ’ มาแปะป้ายพรรคการเมืองอื่น ในระหว่างที่พรรคตนทำข้อตกลงเป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทยที่ชาวบ้านก็ยังกังขา ยิ่งประกาศยังคงเป็นฝ่ายค้าน ไม่ร่วมรัฐบาล แต่กลับละเลยการวิจารณ์ในเรื่องที่เคยทำ ยิ่งทำให้ประชาชนคลางแคลงใจว่ามีดีลพิสดารอะไรซ่อนไว้อีกหรือไม่ นายชนินทร์กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย