วิกฤตการเมืองวนลูป รปห. 49 ทำลาย ‘ไทยรักไทย’ จากเดินเกมมวลชน ถึงยึดอำนาจ ตั้ง คตส. จับทักษิณเข้าเรือนจำ
การเมืองไทยหลังรัฐประหารปี 2549 คือจุดหักเหครั้งใหญ่ที่ทำให้หลักนิติรัฐ และระบอบประชาธิปไตยถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง สิ่งที่ถูกนำเสนอว่าเป็นการ “แก้ปัญหาระบอบทักษิณ” แท้จริงแล้วกลับเป็นการทำลายโครงสร้างทางการเมืองที่ตั้งอยู่บนเสียงประชาชน คล้ายกับการ “จุดไฟเผาทั้งป่าเพื่อล่าหนูเพียงตัวเดียว” เมื่อรัฐทุ่มทุกกลไกเพื่อล้มผู้นำที่ประชาชนเลือกตั้ง ผลที่ตามมาคือการเปิดช่องให้กลไกนอกรัฐสภาเข้ามามีบทบาทเหนืออำนาจของประชาชนอย่างชัดเจน
.
ประเทศไทยในเวลานั้นไม่ได้สูญเสียเพียงนายกรัฐมนตรีชื่อทักษิณ ชินวัตร หรือพรรคไทยรักไทย แต่สิ่งที่หายไปคือโอกาสเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังเดินหน้า เสียงของประชาชนที่ถูกให้ความหมายผ่านการเลือกตั้ง กลับถูกตีตราด้วยวาทกรรม “โง่ จน เจ็บ” เพื่อบั่นทอนความชอบธรรมของ 1 สิทธิ 1 เสียง การเมืองที่เคยเป็นเครื่องมือยกระดับชีวิตผู้คน กลับถูกหยุดยั้งด้วยการยุบพรรค การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ และการถ่ายโอนอำนาจให้กับวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
.
บทเรียนจากปี 2549 ทำให้เห็นสูตรสำเร็จของการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการระดมมวลชนรายสัปดาห์ ใช้ข่าวปลอมและวาทกรรมโจมตีเพื่อสร้างความชอบธรรม ก่อนจะตามมาด้วยบทบาทของตุลาการและองค์กรอิสระในการตัดสินใจแทนเสียงประชาชน และปิดฉากด้วยการเข้ายึดอำนาจโดยกองทัพ สูตรสำเร็จนี้ไม่เพียงล้มรัฐบาลไทยรักไทย แต่ยังสร้างแบบแผนที่ส่งผลสะเทือนต่อการเมืองไทยเรื่อยมา
.
#พรรคเพื่อไทย #พรรคไทยรักไทย #รัฐประหาร49 #ทักษิณชินวัตร
บทความที่เกี่ยวข้อง
“จุลพันธ์” เตือนอนุทิน ปมท่าทีการทูตคลาดเคลื่อน ทำไทยสูญเสียความได้เปรียบ–ถูกกดดันรอบด้าน
อ่านต่อ
บทความ “อนาคตของประเทศไทย: เปลี่ยนความเป็นกลางเป็นโอกาส” โดย ดร.นลินี ทวีสิน อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ตีพิมพ์ใน บางกอกโพสต์ กล่าวถึงแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยควรใช้ในยุคโลกหลายขั้ว เพื่อเปลี่ยน “ความเป็นกลางทางการเมือง” ให้กลายเป็น “สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ” ที่สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดพันธมิตรทั่วโลก
อ่านต่อ