ครม.สานต่อนโยบาย Cash Rebate ของเพื่อไทย หนุนหนังไทยไปไกลระดับโลก รับเงินคืนสูงสุด 30%

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ โดยมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำหลักเกณฑ์และรายละเอียดให้ครบถ้วนและสอดคล้องตามกรอบที่ ครม. เห็นชอบ

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวให้เงินสนับสนุนพื้นฐานร้อยละ 15 ของค่าใช้จ่ายการผลิตในประเทศ สำหรับผู้ผลิตภาพยนตร์สัญชาติไทย และมีลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยหรือได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในการผลิตภาพยนตร์ไทย ที่มีการลงทุนในการผลิตต่อเรื่องตั้งแต่  15 ล้านบาทขึ้นไป  โดยรวมกระบวนการผลิตตั้งแต่ Pre-production, Production และ Post-production 

แต่ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้ ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้อีกร้อยละ 15 รวมเป็นสูงสุดร้อยละ 30 ต่อโครงการ โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่

1. เนื้อหา (Theme) สร้างสรรค์ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนด รับเพิ่ม ร้อยละ 5

 2. ทุนสร้างขนาดกลาง–ใหญ่

 • ตั้งแต่ 40 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท รับเพิ่ม ร้อยละ 2.5

 • ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป รับเพิ่ม ร้อยละ 5

 3. เข้าฉายในต่างประเทศอย่างน้อย 4 ประเทศ หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ที่มีการฉายในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 4 ประเทศ โดยอย่างน้อย 1 ประเทศต้องอยู่นอกอาเซียน รับเพิ่ม ร้อยละ 5

โดยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในขณะนั้น โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือในการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ว่า เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง วันนี้ตัวแทนจากภาคเอกชนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และเพลง พูดคุยกับเลขาธิการ BOI หารือแนวทางในการสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในเรื่องสำคัญที่เราหารือร่วมกันคือ มาตรการจูงใจทางภาษี และ Cash Rebate (เงินคืน) สำหรับผู้ผลิตไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนผลิตผลงานคุณภาพได้มากขึ้น สร้างงาน สร้างรายได้ในพื้นที่ และถ่ายทอดทักษะให้กับคนไทยได้อย่างกว้างขวาง เชื่อว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี และซีรีส์ไทย ไม่ใช่แค่ ความบันเทิงแต่คือพลังทางเศรษฐกิจ และเครื่องมือสำคัญในการส่งออกอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้โลกได้รู้จัก

ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของผู้ผลิตสื่อไทยที่จะร่วมกันสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และสะท้อนคุณค่าของวัฒนธรรมไทยอย่างร่วมสมัย โดยเฉพาะต่อคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เขารู้สึกผูกพันกับความเป็นไทยและพุทธศาสนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีคิดไทย ที่ไม่ใช่เพียงพิธีกรรมหรือความเชื่อ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ประยุกต์ใช้ได้จริงในทุกยุคสมัย

“ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ Soft Power ของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่มีรากฐานจากศีลธรรม วัฒนธรรม และความเข้าใจกันในสังคม” น.ส.แพทองธารกล่าว

#พรรคเพื่อไทย #CashRebate #SoftPower #หนังไทย