จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สส.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2558 ระบุว่า จากกรณีกระแสข่าวที่ระบุถึงการพูดคุยระหว่างตนกับแกนของพรรคภูมิใจไทยถึงเรื่องการไม่ยื่นอภิปรายไว้วางใจ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการพบปะพูดคุยกันแต่อย่างใด

“กระแสข่าวนี้ฟังดูเป็นเรื่องตลก เพราะขณะนี้ เรากำลังดำเนินการในเรื่องการตรวจสอบรัฐบาล เราจึงไม่มีเหตุผลที่จะคุยกัน และยิ่งเป็นการคุยกันในลักษณะที่เป็นข้อตกลง ว่าจะมีการยุบสภาเมื่อไหร่ เราก็ไม่เข้าใจว่าจะมีการพูดคุยในลักษณะนั้นได้อย่างไร 

เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่าความต้องการของแต่ละฝ่าย ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เป็นไปในคนละทิศทางกัน จึงไม่สามารถที่จะพูดคุยกันได้”

จุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องการตรวจสอบรัฐบาลนั้น ทางพรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมนั้นถือว่ามีข้อผิดพลาดที่เยอะมาก ทั้งด้านการสื่อสาร และด้านการบริหารจัดการ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่จะถูกผนวกรวมไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างจริงจัง

“เรื่องนี้ผมได้สื่อสารไปชัดเจนแล้วว่า ในช่วงเวลานี้ผมยังไม่อยากพูดคุย หรือหยิบยกประเด็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมาพูด เพราะอารมณ์ของสังคม และพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น เราควรที่จะใช้เวลาในการเยียวยาจิตใจของประชาชนก่อน

วันนี้เราจึงอยากจะเน้นการพูดถึงเรื่องการช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลก็ควรที่จะเอาสมาธิกลับไปคิด เรื่องการทำงานให้ประชาชน อย่าทำให้เกิดความผิดพลาดเหมือนที่เป็นมาอีก นี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น”

จุลพันธ์ ย้ำว่า เรื่องการตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยเป็นไปตามหลักการในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความกังวลว่ารัฐบาลจะยุบสภาเพื่อหลบหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ เพราะนั่นก็ถือว่าเป็นสิทธิ และเรื่องการตัดสินใจของรัฐบาล

ส่วนเรื่องกลไกรัฐในการแก้ไขปัญหานั้น ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยรัฐบาลก็ได้ผ่านช่วงของการแก้ไขปัญหาวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะย้อนไปในช่วงเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของรัฐบาลไทยรักไทย 

เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นท่านนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็ลงไปบริหารจัดการสถานการณ์ที่จังหวัดภูเก็ต กระบวนการยุบสภาก็ดำเนินไป แต่ว่ากระบวนการทำงานในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนก็ยังมีกลไก ที่สามารถดำเนินการได้อยู่ ซึ่งหมายความว่าต่อให้มีการยุบสภาการดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ยังดำเนินการได้อยู่ 

อย่างไรก็ตามทางพรรคเพื่อไทยยังมีการพูดคุยตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในวันไหน

จุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลกล่าวว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของของฝ่ายค้าน จะเป็นการทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่นั้น ถือว่าเป็นการโยนความผิดอย่างน่าอาย

“กระบวนการในการตรวจสอบรัฐบาลมันไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความผิดพลาดอย่างชัดเจน หากบริหารต่อไปแล้วจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม หากท่านถูกยื่นอภิปราย และตัดสินใจยุบสภานี้ สิ่งนี้ก็ถือเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยการตัดสินใจของรัฐบาลเอง จะมาโทษฝ่ายค้านคงไม่ถูกนัก”

จุลพันธ์ ย้ำ ประเด็นสำคัญหากมีการยุบสภา ไม่ได้เป็นเพราะฝ่ายค้านเป็นผู้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นเพราะรัฐบาลต้องการหนีการตรวจสอบ และหากรู้อยู่แล้วว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหากถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็อาจจะไปต่อไม่ได้ เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะรับตำแหน่งตั้งแต่ต้น เพราะจะทำให้การดำเนินการบริหารจัดการไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง 

“อีกประเด็นหนึ่งคือ สัญญาณของพรรคประชาชน ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขายังไม่มีความสนใจที่จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เรื่องนี้ผมก็ต้องหารือกันต่อไปภายในพรรค ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ เสียงของพรรคภูมิใจไทยเมื่อรวมกับเสียงของพรรคประชาชน ก็จะมีเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งของสภา ทั้งสองพรรคนี้ก็ควรที่จะไปพูดคุยกัน แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้นขอยืนยันว่าเรามีหน้าที่ในการเดินหน้าตรวจสอบ”

“ประเด็นที่จะมีการตรวจสอบนั้น ส่วนหนึ่งก็มีประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในสังคมก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเรื่องที่ยังไม่เคยได้มีการหยิบยกขึ้นมาก็มีอยู่เช่นกัน ส่วนเรื่องที่เคยเปิดเผยไปแล้วก็มีข้อมูลที่ลึกกว่าที่เคยเปิดเผยไป รวมทั้งจะมีมิติในการนำเสนอ ที่จะทำให้สังคมได้เข้าใจมากขึ้น รวมทั้งจะมีการรวบรวมประเด็นที่จะทำให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามันลงลึกไปในระดับไหน”

เมื่อถูกถามว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต่อเมื่อมีการผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสามแล้วใช่หรือไม่ จุลพันธ์ ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่เรื่องนี้มีหลักคิดอยู่ว่า เราเองก็เป็นห่วงในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องดูสัญญาและความจริงใจในการขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย การจะยกรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันในการตรวจสอบรัฐบาลนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง

และประเด็นสำคัญคือ หากว่ารัฐบาลสามารถใช้กลไกที่เขามีขับเคลื่อน ผลักดันให้สมาชิกวุฒิสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริง แล้วจะบอกว่าเรื่องการตรวจสอบความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาล หรือการทุจริตคอรัปชั่น ก็ให้หยวนๆ กันไป เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถที่จะทำได้เช่นกัน

#พรรคเพื่อไทย #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ยุบสภา #การแก้ไขรัฐธรรมนูญ