อันเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันได้ในระดับประเทศ อีกทั้งงบประมาณฉบับนี้ยังมีการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน อันจะทำให้งบประมาณดังกล่าวได้ถูกพิจารณาอย่างรอบคอบและจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนไทยทุกคน

.

นายธีระชัย แสนแก้ว เริ่มต้นอภิปรายถึงจุดเด่นของงบประมาณรายจ่ายฉบับนี้ ประการแรกคือ จัดงบประมาณเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะถ้ามนุษย์เราได้รับการฝึกฝนและพัฒนา จะสามารถสร้างอาชีพ รายได้ เลี้ยงตนเอง ซึ่งงบประมาณฉบับนี้ ได้ให้งบประมาณเพื่อลงทุนยกระดับทักษะด้านแรงงาน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล และความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกที่เราจะต้องปรับตัว

.

ประการสอง งบประมาณฉบับนี้ส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศอย่างมีนัยยะ เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว หรือเศรษฐกิจซึม  ดังนั้นจึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และต้องยกระดับผลิตผลด้านการเกษตรให้สูงขึ้น

.

ยกตัวอย่าง พืชอ้อย ซึ่งไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกอ้อย แต่เดิมเวลาปลูกอ้อยเรามักมีนโยบายอุดหนุนอ้อยสด  ซึ่งตรงนี้ก็เป็นทัศนคติอย่างหนึ่ง ที่อยากให้ยกเลิกคำว่า เงินช่วยเหลือตัดอ้อยสดถาวร เพราะเอาเข้าจริง  เงินอุดหนุนแค่ 120 บาท ไม่ได้สอดคล้องกับราคาตลาดอ้อยที่อยู่ราคา 1,000-2,000 บาท เงินอุดหนุนก็เท่าเดิม แต่อยากเสนอแนวทางใหม่คือ เป็นเงินอุดหนุนปัจจัยการผลิต เพื่อที่จะสนับสนุนให้ตัดอ้อยสด ไม่สนับสนุนอ้อยไฟไหม้  และการอุดหนุนควรคำนึงถึงต้นทุนบวกกับราคาตลาด เพราะต้นทุนและราคาตลาดอาจแตกต่างกันไปทุกปี และการอุดหนุนนี้ ไม่จำเป็นต้องอุดหนุนเท่ากันทุกปี แต่ใช้เป็นแรงจูงใจ ให้ชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และยังเป็นงบกระตุ้นให้ชาวไร่อ้อยเกิดการแข่งขันที่จะปลูกอ้อยให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และยังเป็นการเพิ่มผลิตภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมอ้อยภายในประเทศ

.

“สิ่งที่ผมชอบใจอีกประการหนึ่งคือ การจัดทำงบประมาณฉบับนี้ ยังมีการใช้ระบบ E-Budget เข้ามาช่วยกันจัดทำ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ด้วยการรับฟังความเห็นหน่วยงานต่างๆ ร่วมเข้าไปเพื่อจัดทำงบประมาณได้สอดคล้องกับความจริง ผมจึงเชื่อมั่นว่า งบประมาณปี 69 ฉบับนี้ จะเป็นงบประมาณอีกปีหนึ่งที่จะช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้ผ่านห้วงเศรษฐกิจยากลำบากนี้ไปได้ด้วยกันอย่างแน่นอน” นายธีระชัย กล่าว

.

#พรรคเพื่อไทย #งบประมาณปี69