ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ตอบข้อสงสัยของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในประเด็นงบประมาณเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ โดยยืนยันว่า รัฐบาลจัดสรรงบฯ น้ำ ยึดหลักความจำเป็น ไม่ได้เลือกปฏิบัติตามพรรค หรือ สส. ตามที่สงสัย เพราะงบฯ น้ำ กระจายไปอย่างทั่วถึงทุกภาคตามสภาพปัญหามากน้อย  ส่วนงบกลางนั้น ใช้เพื่อภัยแล้ง-น้ำท่วมเฉพาะหน้า เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอนต้องการความรวดเร็วแก้ปัญหา แต่ถ้าโครงการใหญ่ ถึงไปอยู่ในงบปกติ และต้องสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ

.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวตอบข้อซักถามเรื่องงบประมาณเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ  

เรื่องการกระจายงบประมาณด้านน้ำ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ ได้พิจารณาถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาน้ำในแต่ละเขต  เราไม่ได้คำนึงว่า สส.หรือพรรคการเมืองไหนอยู่พื้นที่ไหนแล้วได้งบฯ มาก แต่เราคำนึงถึงความเหมาะสมและความเดือดร้อนในการแก้ไขปัญหาประชาชน

. 

จากข้อมูลจะเห็นว่า งบประมาณมีการกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยภาคเหนือได้ 21% ภาคอีสาน 31%  ภาคกลาง-ตก 23% ภาคตะวันออก 9% และภาคใต้ 14% ในพื้นที่ท่านสมาชิกบางพื้นที่ ขอยกตัวอย่าง ภาคอีสาน เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่แห้งแล้ง รายได้ต่อหัวประชากรต่ำ และเป็นแรงงานในภาคการเกษตรจำนวนมาก จึงต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกับภาคเหนือ  ซึ่งภาคนี้มี สส.พรรคเพื่อไทยมาก แต่บางพรรคการเมือง(พรรคประชาชน) เป็นสส.ในพื้นที่ในเมือง หรือเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ก็มีความจำเป็นเรื่องภัยแล้งน้อยกว่า ดังนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ มีการกระจายตัวในเรื่องงบอย่างทั่วถึงเป็นธรรมซึ่งท่านไม่ต้องเป็นห่วง

.

ส่วนเรื่องงบกลางฯ เพื่อแก้น้ำแล้งน้ำท่วมทุกปี ที่มีข้อสงสัยว่าน้ำท่วมน้ำแล้งเกิดขึ้นทุกปีแล้วทำไม ไม่ใส่งบประมาณไว้ในงบปกติ ต้องขอเรียนระบบการจัดทำงบประมาณว่า งบปกติเล่มขาวคาดแดง ต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้งบผูกพันหลายปี รวมถึงต้องอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ จึงจะไปตั้งงบ และใช้งบตรงนั้น

.

แต่ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ที่มีเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและมีความแปรปรวน ซึ่งเป็นอุทกภัยที่จะเกิดแบบฉับพลัน เฉพาะหน้า แต่ละปีมีมากน้อยไม่เท่ากับ ก.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติจึงต้องอาศัยงบกลาง เพราะรวดเร็วและแก้ไขปัญหาให้ได้ทันท่วงทีทันสถานการณ์มากกว่า

.

ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในภาคกลางหรือลุ่มเจ้าพระยา 11 ทุ่งนั้น ขอเรียนว่ารัฐบาลมีแผนงานที่อยู่ในงบฯ ปีนี้อยู่แล้ว มีทั้งการก่อสร้างท่อรับน้ำ ประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำเข้าออก จัดระบบเตือนภัย รัฐบาลได้ใช้แผนหลักในการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผนงานในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อดันน้ำ ระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเล  ทั้งทุ่งเชียงราก ชัยนาท ป่าสักฯลฯ ซึ่งรองรับได้ 1.3 พันล้านลบ.ม. และยังต้องคำนึงพื้นที่เพาะปลูกอีกด้วย.

ส่วนประเด็นการตั้งงบประมาณ ไม่เกิน 5 แสนบาทนั้น เป็นงบประตุ้นเศรษฐกิจจากงบกลาง ใช้งบโดยเร็ว และใช้เวลาไม่เกิน 120 วันเพื่อแก้ไขปัญหาฤดูฝนเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรหรือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาปัญหาได้รวดเร็ว 

.

#พรรคเพื่อไทย #อภิปรายงบ69 #อภิปรายงบปี69