‘รัฐบาล-กองทัพ’ แถลงร่วมกัน ยื่นคำขาด ยุติการละเมิด MOU43 หยุดเสริมกำลังทหาร ย้ำไม่ใช้กำลังก่อน แต่พร้อมตอบโต้เป็นขั้นบันได ยึดใช้มาตรการ ‘ควบคุม-ปิดด่าน’ โดยเฉพาะจุดใกล้บ่อนการพนัน
วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 16.20 น. นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, พ.อ.หญิงดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง
นิกรเดช เปิดเผยว่า หลังเหตุการณ์เมื่อ 28 พ.ค. 2568 ฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทนอย่างที่สุด และแสดงความจริงใจต่อกัมพูชา ด้วยการผลักดันให้ใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยเฉพาะ JBC เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัด หลีกเลี่ยงการลุกลามที่กระทบประชาชน โดยเน้นสันติวิธีเป็นหลัก
วันที่ 5 มิ.ย. รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทั้งสองประเทศได้หารือที่ จ.สระแก้ว ฝ่ายไทยเสนอให้ “ถอนกำลังกลับสู่ระดับปกติ” และ “เคารพแนวปฏิบัติร่วม” เพื่อป้องกันปะทะที่ไม่จำเป็น แต่ข้อเสนอกลับถูกฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธทันที และมีการเสริมกำลังเพิ่มขึ้น รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจ MOU43 ซึ่งเป็นหลักสำคัญของกลไกสันติภาพ
ฝ่ายไทยจึงเห็นว่า จำเป็นต้องยื่นคำขาด และเดินหน้ามาตรการตอบโต้เป็นขั้นบันได โดยเริ่มจากการ “ควบคุม–ปิดจุดผ่านแดน” อย่างรอบคอบ
ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อ 6 มิ.ย. 2568 รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพบกเป็นแกนนำดำเนินการ โดยคำนึงถึงความมั่นคง ความปลอดภัย และผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ
ฝ่ายไทยยืนยันจะ หลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร แต่หากมีการละเมิดอธิปไตยหรือการกระทำที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ไทยจะดำเนินมาตรการอย่างเป็นระบบ และค่อยเป็นค่อยไป
การควบคุม–ปิดด่าน มี 4 ขั้นตอน โดยเฉพาะ “การปิดจุดผ่านแดนที่ใกล้กับบ่อนการพนัน” ถือเป็นมาตรการสำคัญในระยะเร่งด่วน
พล.ต.วินธัย ชี้แจงว่า กองทัพภาคที่ 1 และ 2, หน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้รับอำนาจดำเนินการร่วมกับหน่วยปกครองและตำรวจ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
1. จำกัดบุคคลเข้า-ออก
– กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ผู้เดินทางไปเล่นการพนันข้ามแดน หรือเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย พร้อมกับเปิดทางให้กลุ่มจำเป็น เช่น นักเรียน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เดินทางได้ตามปกติ
2. จำกัดเวลา
– ปรับเวลาการเปิด–ปิดด่านให้สั้นลง ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
3. ปิดจุดที่ไม่จำเป็น
– โดยเฉพาะจุดที่ตั้งอยู่ใกล้ บ่อนการพนันผิดกฎหมายฝั่งกัมพูชา หรือมีประวัติการลักลอบผิดกฎหมายซ้ำซาก จะถูกพิจารณาปิดก่อนเป็นอันดับแรก
4. ปิดตลอดแนวชายแดน (ในกรณีจำเป็น)
– หากสถานการณ์ลุกลามโดยไม่มีความร่วมมือใด ๆ มาตรการสุดท้ายคือการปิดด่านทั้งหมด ซึ่งต้องผ่านการประเมินร่วมในทุกระดับ โดยยึดหลัก “ความปลอดภัยของประชาชนและกำลังพล” เป็นอันดับหนึ่ง
ล่าสุด ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้เริ่มทดลองปิดเร็วขึ้นเป็นเวลา 16.30 น. ซึ่งถือเป็นมาตรการนำร่อง พล.ต.วินธัย ย้ำว่า การปิด-เปิดด่านแต่ละแห่ง จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทหาร ปกครอง และตำรวจในพื้นที่ โดยเน้นความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงเฉพาะจุด
โฆษกกลาโหมกล่าวเสริมว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้ให้แนวทางชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า ไม่ต้องการใช้กำลัง ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีความจริงใจ จึงต้องเริ่มดำเนินมาตรการตอบโต้ โดยให้กองทัพบกนำแผนไปสู่การปฏิบัติ
ในช่วงท้าย นิกรเดช ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ไทยยังคงยืนยันจะใช้กลไกทวิภาคีอย่าง JBC ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และหวังว่าจะยังสามารถจัดการประชุมได้ตามกำหนด เพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน ลดความตึงเครียดในพื้นที่ และรักษาความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างสองประเทศ
#พรรคเพื่อไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา

บทความที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ขอฝ่ายความมั่นคงประสานด่านเปิด – ปิดเวลาตรงกัน เพื่อประโยชน์การค้า ขอบคุณแม่ทัพภาค 2 – คนหน้างาน รับแรงกดดัน ชี้ไม่อยากให้เกิดกระแสใช้ความรุนแรง ต้องคิดถึงชีวิตคน ฝากเจ้าหน้าที่รัฐเร่งทำความเข้าใจ ปชช. หลังเกิดเฟกนิวส์ ปล่อยข้อมูลเกิดความวุ่นวาย ยกมหาดไทยเป็นบ้าน – ทหารคือรั้ว ช่วยกันรักษาอธิปไตย
อ่านต่อ