‘นายกฯ แพทองธาร’ ยืนยันใช้ทุกรูปแบบการเจรจา เพื่อประโยชน์ของชาติ ย้ำหลายประเด็นคุยกันส่วนตัว ไม่ควรนำมาเปิดเผย ลั่นทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบสุข และศักดิ์ศรีของประเทศ
วันที่ 18 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชน กรณีมีคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตนกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลุดออกมาในสื่อสาธารณะ โดยยืนยันว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริง ซึ่งเป็นการสนทนาในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า เป็นการพูดคุยส่วนตัวในลักษณะ Private Conversation เพื่อประคับประคองสถานการณ์ชายแดนและป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
.
“ดิฉันได้รับแจ้งจากล่ามว่า สมเด็จฮุน เซน มีความไม่พอใจคลิปของแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีถ้อยคำแข็งกร้าวว่า ‘ไม่ยอม ถ้าต้องรบก็รบ’ ดิฉันเข้าใจอารมณ์ของท่าน และพยายามเปิดพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เพื่อเข้าข้างใคร แต่เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
.
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ในระหว่างการพูดคุย ตนเสนอแนวทางให้ไทยและกัมพูชาเปิดด่านพร้อมกัน เพื่อแสดงถึงความร่วมมือและสัญลักษณ์ของสันติภาพ แต่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธข้อเสนอ โดยระบุว่าไทยต้องเปิดก่อน แล้วกัมพูชาจะเปิดตามหลัง 5 ชั่วโมง และยืนยันว่า “เป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น” นายกรัฐมนตรีจึงตอบว่า ขอปรึกษาฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงกลาโหมก่อน เพื่อให้คำตอบในที่ประชุมวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ที่บ้านพิษณุโลกระหว่างฝ่ายบริหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย
.
“ดิฉันยังไม่ทันประชุมเสร็จ ก็เห็นเฟซบุ๊กของสมเด็จฮุน เซน โพสต์ว่า หากไทยไม่เปิดด่านภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านทั้งหมด ดิฉันยอมรับว่ารู้สึกตกใจ เพราะสิ่งที่คุยกันไว้ไม่ตรงกับที่เกิดขึ้น และนี่ไม่ใช่วิธีการที่ควรใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้นำประเทศ
.
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สิ่งที่พูดในคลิป ไม่ได้หมายความว่าตนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกองทัพ แต่เป็นเทคนิคการพูดเพื่อให้การเจรจาดำเนินไปได้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายมีอารมณ์โกรธหรือเข้าใจผิดจากคลิปก่อนหน้า การพูดว่า “แม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา” จึงเป็นวิธีการเบี่ยงเบนความขัดแย้ง ลดแรงปะทะทางอารมณ์ และดึงกลับเข้าสู่ประเด็นสาระสำคัญของการเปิดด่านด้วยวิธีการเจรจา
.
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ดิฉันเลือกพูดอย่างนุ่มนวล เพื่อสร้างพื้นที่ของการฟัง ไม่ใช่ยั่วยุให้รุนแรงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือเทคนิคการเจรจาหลังบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่ควรถูกเผยแพร่ เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นและบรรยากาศของการพูดคุยในอนาคต”
.
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ความตั้งใจตลอดการสนทนาคือการรักษาอธิปไตยของไทย โดยไม่ยอมให้ใครมากดดัน แต่ก็ไม่ปิดกั้นการพูดคุย เพียงแต่ต้องเป็นไปด้วยความเชื่อใจ ซึ่งการหลุดคลิปเสียงในครั้งนี้สะท้อนว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้นำได้ถูกทำลายลงแล้ว
.
“บทสนทนาแบบนี้ควรได้รับการคุ้มครองในระดับผู้นำ นี่คือการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับอดีตผู้นำประเทศที่เคยดำรงตำแหน่งตั้งแต่อายุ 32 ปี แต่กลับมีการอัดเสียงและนำออกมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม ก็ชัดเจนว่าต่อไปดิฉันไม่สามารถคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านท่านนี้ได้อีกแล้ว”
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำครั้งนี้ถือเป็นความพยายามของกัมพูชาในการแสวงหาคะแนนนิยมภายในประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า “ใช่ค่ะ” พร้อมระบุว่า สมเด็จฮุน เซน เคยพูดเองว่า popularity ของท่านเริ่มตก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจสะท้อนความพยายามเรียกคะแนนนิยมภายในประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี
.
ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนในหลายประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
.
ถาม : ประโยคที่ว่า “แม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา” เป็นการตัดขาดจากกองทัพหรือไม่?
.
ตอบ : ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันพูดในฐานะตัวกลางที่พยายามสงบสถานการณ์ การพูดแบบนั้นเป็นเพียงเทคนิคทางการสื่อสารเพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ดิฉันไม่ได้ทิ้งกองทัพ แต่กำลังช่วยรักษาภาพรวมของประเทศ
.
ถาม : มีข่าวว่าจะมีการปล่อยคลิปเต็มออกมา จะเกิดปัญหาในประเทศหรือไม่?
.
ตอบ : ดิฉันไม่อยากให้คนไทยหลงกล เพราะนี่คือเทคนิคที่พยายามสร้างภาพว่าเรากำลังทะเลาะกัน ทั้งที่จริง ดิฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ เราพยายามโน้มน้าวให้เขายอม และขอหารือกับกองทัพก่อน เพราะไม่สามารถตัดสินใจลำพังได้
.
ถาม : ต่อจากนี้ยังสามารถใช้ “สันติวิธี” กับผู้นำกัมพูชาได้อยู่หรือไม่?
.
ตอบ : ดิฉันไม่ได้ต้องการทำสงคราม และยังเชื่อว่าสันติวิธีเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่เมื่อความไว้วางใจถูกบั่นทอน ดิฉันก็คงไม่สามารถคุยส่วนตัวได้อีก
.
ถาม: ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรและตระกูลฮุน ถือว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่?
.
ตอบ : ดิฉันไม่ขอคาดการณ์ว่าจบหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือดิฉันจะไม่คุยส่วนตัวแล้ว เพราะเกิดปัญหาเรื่องของความไว้ใจ
.
ถาม : จะมีการสื่อสารหรือทำความเข้าใจกับกองทัพหรือแม่ทัพภาค 2 อย่างไร?
.
ตอบ : แน่นอนค่ะ ดิฉันเห็นความสำคัญของความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างรัฐบาลและกองทัพ ดิฉันไม่ได้คิดต่างจากกองทัพเลย หากดิฉันคิดต่างจริง ๆ ก็คงไม่รอความคิดเห็นจากกองทัพก่อนตัดสินใจ ดิฉันเชื่อในการทำงานร่วมกัน และตั้งใจจะเคลียร์ทุกความเข้าใจให้ตรงกัน
.
“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันอยากให้ประชาชนไทยรับรู้ ว่ารัฐบาลไม่ได้อ่อนข้อ แต่ใช้วิธีการที่มีวุฒิภาวะ เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ ไม่ได้ตอบโต้ด้วยความโกรธ แต่ด้วยความเข้าใจในภาวะผู้นำ ซึ่งบางครั้งต้องอดทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเล็กลุกลามเป็นความขัดแย้งระดับชาติ” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย
#พรรคเพื่อไทย #แพทองธารชินวัตร #ไทยกัมพูชา