‘มาริษ’ เผยการหารือเจรจาผ่านโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติ ย้ำการควบคุมด่านเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยคลายข่าว เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่ช่องบกมีเพียงการปรับกำลัง เพื่อให้กลับไปสู่าภาวะเดิมเหมือนปี 2567 ซึ่งทางไทยพยายามให้ฝ่ายกัมพูชากลับไปยืนบน MOU 43 ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ เมื่อมีกรณีที่มีข้อพิพาททางเขตแดน ทางองค์การสหประชาชาติ (UN) จะขอให้ประเทศที่มีความขัดแย้งมานั่งคุยกัน โดยฝ่ายไทยมีการทำหนังสือประท้วงให้มีการปรับกำลังลัง และกลบคูเลต

นายมาริษ กล่าวว่า MOU 43 มีความสำคัญคือ 1.ลดความตึงเครียด 2.ต้องเกิดสันติภาพระหว่างกัน ซึ่งเป็นกรอบในการเจรจาซึ่งอีกฝั่งมีพันธกรณีที่ต้องรับฟัง และแต่ละฝ่ายนำไปทบทวนโดยต้องใช้ระยะเวลา ทั้งนี้ เขตแดนไทย-กัมพูชา มาจากผลของสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส 2449 มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดเยอะ การไปพูดว่าจะให้มีการยกเลิก MOU 43 จะทำไม่ได้ เป็นเพียงการสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฝ่ายสำรวจและจัดทำเขตแดนให้ชัดเจน ไม่ทำให้เกิดการเสียดินแดน  อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตกลงกันแล้วก็ต้องนำเรื่องเข้า ครม.และรัฐสภา

นายมาริษ กล่าวว่า กัมพูชานำเรื่องไปฟ้องที่ศาลโลกเป็นการละเมิด MOU 43 ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศเมื่อมีกรณีพิพาทเรื่องดินแดน เป็นพันธกรณีให้มีการพูดคุยในระดับทวิภาคีเป็นหลัก การไปฟ้องที่ศาลโลกเป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค กรอบการเจรจาไม่ได้มีเฉพาะ JBC แต่ยังมี RBC ในระดับทหารในพื้นที่ ซึ่งทางการไทยได้มีการผลักดันจัดเจรจาให้ได้เร็วที่สุด กลไกทางการทูตจะประสบความสำเร็จได้ ต้องบูรณาการกับกลไกทางทหารด้วย ซึ่งทั้ง 2 อย่างต้องไปด้วยกัน 

ส่วนมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่าน มาจากสถานการณ์ความไม่แน่นอน จึงต้องควบคุมการเข้าออกของประชาชน ไม่ให้เกิดความอันตราย กับธุรกิจตรงชายแดนมีสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก

“เป้าหมายของนายกรัฐมนตรี ต้องการหลีกเลี่ยงความสูญเสีย เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย เพราะว่ามีการปั่นกระแสข่าว ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น ทุกคนควรจะร่วมมือกันมาอยู่ในกรอบ ที่จะทำให้เรามีความเข้มแข็ง เพื่อไปแสดงเจตนารมย์ที่ดีของเรา เราอยากจะคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย” นายมาริษกล่าว 

“เรื่องการหารือทางโทรศัพท์ กับทุกประเทศเพื่อแก้ปัญหาเป็นวิธีการปกติ ที่ใช้ในการพูดคุยกับต่างประเทศทั่วโลก ทำไมถึงไปกล่าวหานายกฯ ขนาดนั้น จำได้ไหมว่าผมเอาคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 5 คน ที่เมียนมา ผมก็ใช้วิธีการโทรศัพท์พูดคุยกับมิตรหลายประเทศ ซึ่งใครก็ตามที่นำมาเปิดเผย คือการกระทำที่ไม่สมควร ไม่ถูกต้องตามหลักสากล” นายมาริษกล่าว

#พรรคเพื่อไทย #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #ไทยกัมพูชา