‘มาริษ’ นำคณะทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ชวนภาคีออตตาวาทบทวนให้เงินช่วยกัมพูชากู้ทุ่นระเบิด เหตุไม่จริงใจเก็บกู้
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตานุทูตจากประเทศอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์บนภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่พบเจอทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เพิ่งถูกฝังโดยฝั่งกัมพูชา เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์กรระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศเข้าร่วมโดยในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ขึ้น 5 ครั้ง มีพลทหารสูญเสียขา นับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ทั้งในเชิงมนุษยธรรม และผิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และอนุสัญญาออตตาวา
🟥ทุ่นระเบิดที่ฝังใหม่ ละเมิดพื้นที่และกฎหมายสากล และถือว่ากัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือในวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค
.
ปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ไทยได้ขอให้กัมพูชาร่วมกันเก็บกู้ เพราะทุกฝ่ายต้องทำตามกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาออตตาวา โดยเสนอให้ทบทวนโครงการกู้ทุ่นระเบิดใหม่ มีหลายประเทศในภาคี ให้ความช่วยเหลือบริจาคเงินโครงการดังกล่าวให้แก่ทางกัมพูชา
แต่เนื่องจากทุ่นระเบิดที่ฝังใหม่เป็นการฝังในดินแดนไทย ถือเป็นการละเมิดพื้นที่และกฎหมายสากล และถือว่ากัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือในวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และอยากให้กัมพูชาเคารพข้อตกลงตามกฎบัตรอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงแสดงความจริงใจ เพื่อลดความตึงเครียดในบริเวณชายแดน เพราะหากยังมีกรณีการเหยียบทุ่นระเบิด สถานการณ์ก็จะแย่ลง ดังนั้น ต้องมีการร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นการลดความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ
นายมาริษ ย้ำอีกว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในกฎหมายสากล และอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยจะยึดมั่นในหลักการ แม้กัมพูชายังไม่มีความพร้อม และไทยพร้อมทำงานร่วมกับทุกประเทศที่เป็นพันธมิตร เพื่อปฏิบัติการกู้ระเบิด เพราะเป็นภารกิจเพื่อมนุษยชน
ส่วนรัฐบาลไทยกังวลจะแพ้สงครามข่าวสารจากกัมพูชาหรือไม่นั้น นายมาริษ ย้ำว่า รัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศสื่อสารผ่านช่องทางทางการและโซเชียลมีเดียด้วย แต่การใช้โซเชียล มีเดียยิ่งมีการเผยแพร่ข่าวปลอม ยิ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้ง และความยากลำบากของทั้ง 2 ประเทศ เพราะโซเชียลมีเดียไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไทยจะสื่อสารผ่านช่องทางที่เป็นทางการเท่านั้น
ประเทศไทยเป็น 1 ใน 118 ประเทศ ที่ไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลก และเชื่อว่า ประเด็นเริ่มต้นจาก 2 ประเทศ ก็ต้องจบที่ 2 ประเทศเช่นกัน การไปขึ้นศาลโลก ไม่ได้แสดงความจริงใจในการเจรจา และไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากลำบากที่มีด้วยกัน เหมือนพี่น้องไปขึ้นศาลด้วยกัน ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในใจได้
ขณะที่ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวเสริมถึงสต็อกทุ่นระเบิดสั่งหารของฝั่งกัมพูชาว่า เป็นทุ่นระเบิดสังหารที่เป็นสต็อกใหม่ของกัมพูชา ซึ่งพบทั้งในพื้นที่ที่เคลียร์ไปแล้วและยังไม่ได้เคลียร์ รวมถึงยังถูกฝังในเขตแดนไทย แต่ยืนยันว่า ประเทศไทยได้เคลียร์ทุ่นระเบิดสังหารไปหมดแล้ว
#StandWithThailand
บทความที่เกี่ยวข้อง
