สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงาน “ยกเครืองประเทศไทย เพือไทยทําได้” ยืนยัน
สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนและพี่น้องสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ให้ผมเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ผมขอเล่าให้ฟังถึงเหตุจูงใจที่เข้ามาทำงานด้านการเมือง โดยก่อนหน้านั้นผมมีโรงงานผลิตเกี่ยวกับชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการติดต่อกับทางหน่วยงานราชการ ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากสลับซับซ้อน ใช้เวลายาวนาน
พอในปี พ.ศ.2541 โรงงานที่ผมบริหารอยู่ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร ประกอบกับช่วงนั้นเองท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ ได้มาชักชวนให้ผมไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผมจึงคิดว่าถ้าอยากให้ประเทศไทยดีขึ้นจริง ผมควรจะเข้ามีส่วนในการแก้ไขระบบ โดยเฉพาะบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 80% ในภาคอุตสาหกรรม ให้เกิดการแข่งขันให้ได้ ประเทศไทยจึงจะโตขึ้นได้
ผ่านมา 25 ปี แม้หลายอย่างที่เป็นระบบต้องแก้ไขอยู่ แต่ผมเชื่อถ้าหันหลังไปมองหลายอย่างในวันนั้นเปรียบเทียบกับวันนี้ หลายอย่างเปลี่ยนแปลงและพัฒนามาไกลแล้วครับ แล้วผมภาคภูมิใจที่เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงดีๆ ที่เกิดขึ้น ในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง
ผมมีจุดแข็งในการเป็น ‘นักทำ’ ผมผลักดันนโยบายที่ได้รับมอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จได้ เป็นรูปธรรมตามกรอบเวลา เนื่องจากผมมี Back Ground ทางด้าน Engineer ซึ่งถูกฝึกมาให้มีการคิดเป็นระบบ และผมเชื่อว่าถ้าเรามีความจริงจัง ทุ่มเท และใส่ใจให้กับโครงการต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายความสำเร็จย่อมเกิดขึ้น
วันนั้นท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้ชวนให้เข้ามาทำการเมืองในพรรคไทยรักไทย ผมตอบรับทันที เพื่อจะมีโอกาสเข้าไปแก้ไขสิ่งที่ติดขัดให้มันดี ผมได้รับมอบหมายให้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งในขณะนั้น ป.ต.ท.อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม ผมได้รับมอบหมายให้แปรรูป บริษัท ป.ต.ท.ให้ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต้องมีการเตรียมขั้นตอนต่างๆ ถึงศักยภาพของบริษัทฯ มีการทำ Road show เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งในที่สุดก็สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งตอนนั้นมูลค่าตลาด ป.ต.ท. เป็นเงิน 1 แสนล้านบาท โดยกระทรวงการคลังถือหุ้น 51% ตอนนี้มูลค่าตลาดทั้งหมด 9 แสนล้านบาท ซึ่งหมายถึงรัฐมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 4 แสนล้านบาท
หลังจากนั้นในปี 2546 ผมได้รับมอบหมายให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้รับมอบหมายให้มีการแปรรูป การท่าอากาศยานไทย ให้เป็นบริษัทมหาชน มูลค่าตลาดตอนนั้น 6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีมูลค่า 7 แสนล้านบาท ส่วนที่รัฐเป็นเจ้าของ 4.48 แสนล้านบาท
การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง รัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 8.5 แสนล้านบาท เงินจำนวนนี้เราจะสามารถแจกให้ครอบครัวคนไทย 20 ล้านครอบครัว จะได้ครอบครัวละ 4 หมื่นบาท
<ความสำเร็จก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ>
หนึ่งในความภาคภูมิใจที่ผมมี ต่องานที่ผ่านมาตลอด 27 คือสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างมานานหลายสิบปี แต่มาจบลงได้ตอนที่ผมเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมช่วงปี 2545-2548 ที่ผมได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยแรก ผมได้ทำงานร่วมกับท่านนายกฯ ทักษิณในการเร่งรัดการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ จนแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาและสามารถเปิดให้บริการได้ในวันที่ 28 กันยายน 2549 ใช้เวลาประมาณ 4 ปี 9 เดือนเท่านั้น ลบคำวิจารณ์ที่ไม่สามารถสร้างได้
เมื่อเทียบกับสนามบินขนาดใหญ่อื่นๆ แล้วใช้เวลาก่อสร้างนานและมีความล่าช้า ช้ากว่าเราเยอะมาก เช่น สนามบินเบอร์ลิน ใช้เวลาก่อสร้างรวมถึง 14 ปีล่าช้ากว่ากำหนดไป 9 ปี สนามบินมุมไบแห่งใหม่ ใช้เวลาก่อสร้างล่าช้าไปถึง 7 ปี การที่เราสามารถก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนด ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในการเป็นศูนย์กลางการบินได้ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากเปิดใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 10 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก น่าเสียดายที่ในปี 2549 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เช่นนั้นแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิคงได้ดำเนินการต่อไปตามแผน และเราคงไม่แพ้สิงคโปร์หรือฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางการบินในทุกวันนี้
นับตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหารในปี 2549 สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังตามแผนที่ได้วางไว้เดิม ทำให้คุณภาพการให้บริการลดลงอย่างมาก โดยสนามบินสุวรรณภูมิตกชั้นจากอันดับที่ 10 ของโลกไปอยู่ที่อันดับที่ 77 ในปี 2565 หลังจากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งในปี 2566 ผมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสนามบินให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกเป็น Aviation Hub ของภูมิภาคซึ่งจะเป็นตัวจักรสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ โดยการกำกับดูแลให้ AOT นำเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับระดับโลกมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบผู้โดยสาร สำหรับการเช็คอิน ตรวจค้น และตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ระยะเวลาการรอคิวลดลงจากเดิมเฉลี่ย 40 นาที เหลือเพียง 5 นาทีเท่านั้น ทำให้ลำดับชั้นของสนามบินสุวรรณภูมิดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากลำดับที่ 77 มาเป็นลำดับที่ 39 ในปี 2568
สุวรรณภูมิไม่ใช่แค่ “สนามบิน” แต่คือประตูขนาดใหญ่ที่เชื่อมไทยกับโลก ทำให้คนเข้าไทยง่ายขึ้น นักท่องเที่ยวเพิ่ม ธุรกิจบริการคึกคักขึ้น สินค้าส่งออกเดินทางเร็วขึ้น และยกระดับความสามารถแข่งขันด้านโลจิสติกส์ กรุงเทพฯ ต่อเครื่องสะดวกขึ้น จนไทยขยับบทบาทจาก “ประเทศทางผ่าน” ไปสู่ “ศูนย์กลางของภูมิภาค” ได้จริง การมีสนามบินใหม่ทำให้ระบบการบิน และโอกาสทางคมนาคมขนส่งเดินหน้า ทั้งการแข่งขันของสายการบินและการเดินทางที่เข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น
สุวรรณภูมิ คือ เมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมล่าสุดที่ประเทศไทยทำสำเร็จ และตลอดกว่า 20 ปี มันพิสูจน์แล้วว่าโครงสร้างใหญ่หนึ่งชิ้น “เปิดประตูโอกาส” ให้ประเทศได้จริง แต่สุวรรณภูมิยังต้องพัฒนาต่อ และประเทศไทยต้องเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่นควบคู่กันไป
<จาก สุวรรณภูมิ สู่คมนาคมใหญ่>
ผมเชื่อว่า “คมนาคม” ไม่ใช่แค่เรื่องการเดินทาง แต่มันคือภารกิจใหญ่ที่สุดที่เปิดประตูโอกาสให้ทั้งประเทศ ถ้าเราทำให้ ระบบถนน-ระบบราง-ระบบการบิน-ท่าเรือ พร้อมและเชื่อมกันเป็นโครงข่ายเดียว ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี IOT ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบไร้รอยต่อ โดยจะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาทิ ท่าเรือ คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า ควบคู่กันไป ไทยจะกลายเป็น “จุดเชื่อมของการค้า” ในภูมิภาค สินค้า จากจีนไปอินเดีย ก็เลือกผ่านไทยได้ สินค้าจากออสเตรเลียไปจีน ก็ผ่านไทยได้ ต้นทุนโลจิสติกส์ลดลง ประเทศแข่งขันได้มากขึ้นและเศรษฐกิจโตแบบเป็นระบบครับ
คมนาคมที่ดีไม่ใช่แค่พาคนไปถึงที่หมาย แต่พาคนไทยไปถึงอนาคต นี่คือภาพฝันและภาพใหญ่ที่ผมอยากสานต่อ เพราะเมื่อโครงสร้างพื้นฐานดี โอกาสจะไหลไปถึงคนตัวเล็ก คนทำมาหากินมีทางเลือกมากขึ้น รายได้ดีขึ้น ชีวิตมันคงขึ้น และสุดท้ายคนไทยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสุขได้จริงครับ ซึ่งพรรคเพื่อไทยถ้ามีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เราพร้อมสานต่อภารกิจนี้ทันทีครับ
<สานต่อ 2 นโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย | บ้านเพื่อคนไทย>
นอกจากภาพใหญ่ที่ผมอยากพาประเทศไปให้ถึง ซึ่งจะเป็น “โอกาสสำคัญ” ของคนไทยทั้งประเทศ-ผมยังมี 2 นโยบายที่พร้อมสานต่อได้ทันทีครับ คือคมนาคมที่ดี ต้องทำให้คนเข้าถึงได้ และเป็นประโยชน์ในด้านอื่นของชีวิตด้วย
นโยบายแรก ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’ ก่อนจะมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเราไปไกลถึงขั้น “พร้อมลงทะเบียนและพร้อมใช้” แล้ว เราวางแผนฝ้าฟันทุกอุปสรรคแก่สิ่งที่คิดขัดทุกจุด รวมถึงการเดินหน้ากฎหมายสำคัญทั้ง 3 ฉบับ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง, พ.ร.บ.รฟม. และ พ.ร.บ.ตัวร่วม เพื่อให้ระบบเดินได้จริงและเป็นธรรม ผมขอยืนยันว่า ภายใน 3 เดือนหลังพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พี่น้องประชาชนจะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทันทีครับ
และเพื่อให้ “เส้นเลือดใหญ่” ทำงานได้เต็มที่ เราเตรียม Feeder เป็น “เส้นเลือดฝอย” พาคนเข้าสู่ระบบราง ด้วย ‘รถเมล์แอร์ 10 บาท’ ให้คนไทยเข้าถึงการเดินทางที่มีคุณภาพได้จริงครับ เราจะมีการปรับปรุงรถเมล์
นโยบายที่สอง พร้อมสานต่อทันทีคือ บ้านเพื่อคนไทย นี่ไม่ใช่แค่ความฝันครับ เราเริ่มเดินแล้ว มี 4 โครงการนำร่องพร้อมดำเนินการ เพื่อพิสูจน์ว่าคนไทยสามารถมีบ้านในทำเลที่ดีได้จริง บ้านที่อยู่ใกล้ระบบคมนาคม ใกล้งาน ใกล้เมือง ใกล้บริการและที่สำคัญคือ ‘จ่ายไหว’
เพราะหัวใจของบ้านไม่ใช่แค่ตัวบ้าน หัวใจของบ้านคือ “ทำเล” และทำเลที่ดีต้อง “เดินทางสะดวก” ครับ จาก 4 โครงการนำร่อง ผมตั้งใจขยายไปสู่ พื้นที่ศักยภาพทั่วประเทศ ทำให้การลงทุนโครงสร้างคมนาคม ระบบราง ระบบการบิน ท่าเรือ ไม่ใช่แค่พาคนเดินทาง แต่เป็นโครงสร้างที่ทำให้คนไทย “ตั้งหลักได้” มีบ้าน มีคุณภาพชีวิต และมีแรงออกไปทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว และสร้างอนาคตของตัวเองได้จริงครับ
พี่น้องพรรคเพื่อไทยครับ คนข้างนอกปรามาสว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในจุดท้าทาย บอกว่าเราจะไม่กลับไปอยู่ในจุดเดิมอีก แต่ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น เรายังมีไฟ เรายังมีฝัน เรายังมีอุดมการณ์เดียวกัน อยากกลับไปทำงาน ทำนโยบายดีๆ ให้พี่น้องประชาชนของเรา
ตอนต้นผมเล่าว่า ผมทำงานการเมืองก็เพราะอยากแก้ไขสิ่งที่ติดขัด ให้พี่น้องประชาชนทำงานได้ง่ายขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น วันนี้ผมก็ยังเชื่อแบบนั้น และผมยังเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มเปี่ยม เพราะนี่คือพรรคที่มีทั้งคนที่ “มีประสบการณ์จริง” และคนรุ่นใหม่ที่ “มีพลังสร้างสรรค์” ทำงานเป็นทีมเดียวกัน มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการพัฒนาประเทศไทยให้เดินหน้า
และด้วยความเชื่อมันนั้นเอง วันนี้ผมจึงขออาสา เข้ามารับผิดชอบงานที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพื่อรวมทุกท่านไปทุ่มเททำงานให้คนไทยทุกคนครับ มารวมกันยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้ครับ
#พรรคเพื่อไทย #ยกเครื่องประเทศไทย #เพื่อไทยทำได้ #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ
ผลิตสื่อโดย พรรคเพื่อไทย เลขที่ 197 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 จำนวน 1 ชุด ตามวันเวลาที่ปรากฏ ที่ส่งมาในครั้งนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
มุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อ่านต่อ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงาน “ยกเครืองประเทศไทย เพือไทยทําได้” ย้ำนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้อง โดยมีมาตรการปลดหนี้ให้คนไทย และสานต่อนโยบายหวยเกษียณภายใน 3 เดือน
อ่านต่อ