“พลภูมิ” เร่งนำถังออกซิเจนช่วยปชช.นอนรอเตียง จี้รบ.เร่งแก้ปัญหา เหตุมีคนต้องเสี่ยงชีวิตอยู่จำนวนมาก
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์โควิดที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นวันละหมื่น เสียชีวิตวันละร้อยถือว่าเกินกำลังของระบบสาธารณสุข ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่นอนรอเตียงรักษาอยู่เป็นจำนวนมาก ล่าสุดช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ค. ตนได้รับการประสานงานจากประชาชนในพื้นที่ต้องการความช่วยเหลือเนื่องจากติดเชื้อโควิดกันทั้งบ้าน ซึ่งตอนนี้ทุกชีวิตในครอบครัวนี้กำลังนอนรอเตียงเพื่อไปรักษาตัว ที่สำคัญมีรายหนึ่งชื่อนายสมมาตร สวยสด อายุ 45 ปี มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับปอดอยู่ก่อนแล้ว วันนี้อาการทรุดหนักหายใจไม่ออก ตนได้มอบหมายให้ นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบึงกุ่ม พรรคเพื่อไทย ประสานนำถังออกซิเจนเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งได้รับการสนับสนุนถังออกซิเจนจากคุณ ทิพจุฑา บุนนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางพลัด และทีมจิตอาสา #ลมหายใจฉุกเฉิน ล่าสุดตอนนี้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้นและอัตราการเต้นของหัวใจดีขึ้นแต่ก็ยังต้องรีบส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ขณะนี้ตนกำลังเร่งประสานกับโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาเตียงรักษาให้นายสมมาตรโดยเร็วที่สุด ระหว่างนี้จะให้ทีมงานคอยติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และจะนำถุงยังชีพไปมอบให้สมาชิกในครอบครัว และแจ้งกับประธานชุมชนว่าหากออกซิเจนในถังใกล้หมดให้รีบแจ้งมายังทีมงานทันที เพื่อจะได้หาถังออกซิเจนไปเพิ่มให้
นายพลภูมิ กล่าวว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้มีแค่กรณีเดียวแต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่เฝ้ารอเตียงอยู่ จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หากไม่รีบแก้ไขปัญหาวิกฤติ “เตียงเต็ม” อย่างเร่งด่วน หากรัฐบาลอยากให้ประชาชนใช้มาตรการรักษาตัวและเฝ้าอาการที่บ้าน ก็ควรมีระบบการสนับสนุนด้านการแพทย์ถึงบ้านที่ได้มาตรฐานและเพียงพอมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ชีวิตประชาชนจำนวนมากที่หาเช้ากินค่ำต้องเสี่ยงชีวิตเพราะความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการวิกฤติ
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘ดนุพร’ เรียก 7 บริษัทในตลาดหุ้น ให้ข้อมูลเอี่ยวสแกมเมอร์ เชิญ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมสอบ
อ่านต่อ
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบน x ตั้งคำถามถึง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐบาลไทย ไปลงนามกับสหรัฐฯ โดยมีข้อกังวลว่าไทยได้ประโยชน์อะไรจาก MOU ฉบับนี้ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การไปลงนาม MOU ดังกล่าวโดยไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาก่อนนั้นอาจขาดความรอบคอบ รัดกุม เสี่ยงต่อการเสียอำนาจการต่อรอง และหากลงนามกันแต่บอกว่าไม่ผูกพันยิ่งทำให้ประเทศเสียความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก โดยนายศึกษิษฏ์ ได้เขียนข้อความดังนี้
อ่านต่อ