รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ระหว่างร่วมภารกิจที่ญี่ปุ่น โดยมีความพยายามที่จะลดระดับความตึงเครียดทางการทูตอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงปลายเดือนหน้า มีกำหนดจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการหารือประเด็นปักปันเขตแดน รัศม์ระบุว่า ขั้นตอนการเจรจาเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา เนื่องจากแนวเขตแดนบางจุดอาจเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ หรือหมุดปักเขตสูญหาย จึงต้องอาศัยการตรวจสอบตามหลักฐานโดยละเอียด และค่อยเป็นค่อยไป ทั้งสองฝ่ายอาจมีการพบปะพูดคันบ่อยขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและหาทางออกอย่างสันติ

สำหรับประเด็นข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2528 และยังไม่สามารถปักปันเขตแดนได้อย่างสมบูรณ์ รัศม์เน้นย้ำว่า ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองประเทศในการหาข้อยุติ โดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละฝ่าย ทั้งในแง่กฎหมายและความรู้สึก ซึ่งแม้กระบวนการจะใช้เวลานาน แต่การเจรจาย่อมดีกว่าไม่มีการพูดคุยเลย และตราบใดยังมีความพยายามเดินหน้าร่วมกัน ถือเป็นทิศทางที่ควรสนับสนุน

–  เดินหน้าเจรจาสหรัฐ แม้ศาลเบรกภาษีทรัมป์

รัศม์ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลการค้าสหรัฐมีคำพิพากษายับยั้งการจัดเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลก ที่ออกโดยโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งถูกระบุว่าใช้กฎหมายฉุกเฉินโดยมิชอบ และละเมิดอำนาจตามรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการกำหนดภาษีนำเข้า โดยระบุว่าเพิ่งได้รับทราบข่าวดังกล่าว และอยู่ระหว่างการติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม การเจรจาทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐยังคงเดินหน้าต่อไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือและคาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้ พร้อมย้ำว่าสหรัฐยังคงเป็นมิตรประเทศที่มีความสำคัญยิ่งของไทย และนับเป็นโอกาสในการทบทวนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างทั้งสองฝ่าย