‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ปลุกพลังท่องเที่ยว สร้างแรงส่งใหม่ให้เศรษฐกิจไทยฟื้นฟู หนุน Entertainment Complex เสริมดีมานด์ช่วง Low Season
นายสุรเกียรติ เทียนทอง สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่ 1 ในเรื่องนโยบายการท่องเที่ยว
[สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป]
นายสุรเกียรติกล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชากรโลกและพฤติกรรมการเดินทางระหว่างประเทศที่ชะลอลง ปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของไทย และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หากดูรายได้จะพบว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น 3.13% หรือเกือบ 2 หมื่นล้านบาท จาก 602,000 ล้านบาท ปี 2567 มาเป็น 621,000 ล้านบาทในปี 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง (High Spender) ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยสามารถ ปรับตัวและเตรียมความพร้อม ในการรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที
[การรับมือความเปลี่ยนแปลงใหม่ บนฐานความจริงและปัจจุบัน]
จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศปี 2568 เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา” (Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025) จัดกิจกรรมและอีเวนต์ระดับโลกตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลดนตรี ศิลปะ อาหาร และการแข่งขันกีฬานานาชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับประเทศ ยกตัวอย่างเช่น Maha Songkran World Water Festival ที่ใช้งบประมาณ 153 ล้าน แต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 8 แสนคน และมีเงินสะพัดถึง 3.2 พันล้านบาท หรืองาน FIVB Volleyball Women’s World Championship 2025 หนึ่งในรายการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไทยพร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการจัดอีเวนต์ระดับโลก (World Class Event Hub)
[ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัย]
การยกระดับความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เป็นส่วนสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยว การติดตั้ง CCTV ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการเฝ้าระวัง และลดความเสี่ยงจากเหตุอาชญากรรม โดยจากผลจัยพบว่า การติดตั้ง CCTV สามารถลดอัตราการเกิดอาชญากรรมได้ถึง 28 % เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและเป็นมิตร
ปรับปรุง/พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำ ห้องพัก สถานที่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ใช่เพียงแค่การ “ตกแต่งสถานที่” แต่คือการยกระดับคุณภาพของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและส่งผลในภาพลักษณ์เชิงบวกต่อการท่องเที่ยวไทย
[ขยายตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ (Market Diversification)]
มุ่งเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย ลาตินอเมริกา และแอฟริกา เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดิมและเพิ่มความหลากหลายของนักท่องเที่ยว ปัจจุบัน Wellness Tourism ไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก รัฐบาลสามารถผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Medical & Wellness Tourism เพื่อดึงดูดนักเที่ยวกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ยุโรปที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมใช้บริการทางการแพทย์และท่องเที่ยวด้าน Health & Wellness ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้าง (Man-made Attractions) เพื่อเพิ่มความหลากหลายและลดความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก
Entertainment Complex ก้าวใหญ่ที่สำคัญสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การก่อสร้างจะเกิดขึ้นโดยอาศัยการลงทุนจากภาคเอกชนเกือบทั้งหมด โดยภาครัฐแทบไม่ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนโดยตรง ทั้งนี้รัฐจะมีบทบาทในการกำกับดูแลและจัดเก็บรายได้ผ่านระบบภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นแนวทางในการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบของการท่องเที่ยวตามฤดูกาล ด้วยเทศกาลและงานแสดงที่สร้างขึ้น (Man-made Destination) รวมถึงผลของการลงทุนใหญ่และการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลกระทบให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการพัฒนาท้องถิ่นอีกด้วย
[จากนโยบาย สู่การออกแบบงบประมาณ 2569]
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา งบการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยว 501 ล้านบาท ผ่านงานเทศกาลต่างๆ เช่น Maha Songkran World Water Festival ,งานประเพณีแห่เทียนพรรษา (อุบลราชธานี) – เทศกาลแห่เทียนขนาดใหญ่ช่วงเข้าพรรษา,เทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ เทศกาลประจำเมืองที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์และคุณค่าของวัฒนธรรมล้านนา และคาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท , ที่นอกจากส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลกแล้ว กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่อีกด้วย
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของการจัดสรรงบประมาณลักษณะเดียวกันนี้ จะเห็นได้จากการจัดสรรงบประมาณในปี 2568 ของรัฐบาลแพทองธารที่มีนโยบายมุ่งส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นจำนวน 320 ล้านบาท โดยซีรี่ดังอย่าง The White Lotus season 3 ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณส่วนนี้ และได้นำคณะถ่ายทำ The White Lotus season 3 มาถ่ายทำซีรีส์ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ หลังจากการออกอากาศซีซัน 3 โรงแรม Four Seasons Resort Koh Samui ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ มีการจองห้องพักเพิ่มขึ้นถึง 65% และมีเงินจากการลงทุนของบริษัทภาพยนตร์หมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น 900-1,200 ล้านบาท ในการจัดสรรงบประมาณรอบนี้ ผมเองก็เชื่อเหลือเกินครับว่า เราจะสามารถผลิตซ้ำความสำเร็จดังกล่าวนี้ได้อีกครั้งผ่านงบประมาณ 2569 นี้ เพราะเราทำสำเร็จจริงๆ มาแล้ว
โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 164 ล้านบาท เราได้ใช้งบส่วนนี้เพื่อยกระดับ Wellness Center ให้กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน ช่วยกระจายรายได้ให้กับคนหลายกลุ่ม สร้างโอกาสในการจ้างงานให้กับชุมชนในภาคบริการด้านสุขภาพ เช่น นวดแผนไทย ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Wellness เช่น สมุนไพร ผ้าทอ หรือของใช้จากธรรมชาติ ยังเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนได้อีกด้วย
โครงการส่งเสริมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว 352 ล้านบาท เป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว และ เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว การพัฒนากีฬาในประเทศไทยยังถือเป็นอีกหนึ่งมิติที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการวางระบบการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งในด้านการสรรหานักกีฬารุ่นใหม่ การเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมของนักกีฬาในทุกระดับ เพื่อให้สามารถแข่งขันและประสบความสำเร็จในเวทีระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังส่งเสริมการจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยว เช่น กีฬาเชิงวัฒนธรรม และการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่
เราจัดสรรงบประมาณ 1,776 ล้านบาท เพื่อพัฒนานักกีฬาที่มีศักยภาพเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งผลักดันให้สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาในระดับจังหวัด มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน ยกระดับศูนย์กีฬาแห่งชาติให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ครบวงจรทั้งด้านอุปกรณ์ บุคลากร และระบบสนับสนุน เพื่อพัฒนานักกีฬาให้ประสบความสำเร็จในเวทีการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
FIVB Volleyball Women’s World Championship 2025 หนึ่งในรายการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไทยพร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการจัดอีเวนต์ระดับโลก (World Class Event Hub) อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย โดยการใช้งบกลาง 1,124 ล้านบาท และคาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในภาพรวมกว่า 8,500 ล้านบาท
การเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโต จีพี 105 ล้านบาท รายการแข่งขันจักรยานยนต์ระดับโลก โดยปี 2568 ในการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโต จีพี มีผู้ชมที่สูงถึง 224,634 คน รายได้หมุนเวียน 5,043 ล้านบาท
ภายใต้บริบทของวิกฤตเศรษฐกิจโลกซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไทยตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกลไกการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่มีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้และการจ้างงาน การจัดสรรงบประมาณในโครงการต่างๆ ที่กล่าวมาเป็นการลงทุนที่มุ่งหวังผลในระยะยาว มีเป้าหมายในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจระดับพื้นที่ เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และสร้างโอกาสการจ้างงานที่มั่นคงแก่ประชาชนในท้องถิ่น ททท. ได้ดำเนินบทบาทเชิงรุกในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นการรักษาฐานนักท่องเที่ยวเดิม ควบคู่กับการพัฒนาตลาดใหม่ และยกระดับคุณภาพของนักท่องเที่ยวสู่กลุ่ม High-Spending Visitors
“ขณะเดียวกัน การจัดกิจกรรมระดับนานาชาติ อาทิ การแข่งขันกีฬามวยไทย มอเตอร์สปอร์ต มิได้เป็นเพียงการส่งเสริมความภาคภูมิใจในระดับชาติเท่านั้น หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศให้เข้ามาสัมผัสอัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการใช้นโยบายด้านการท่องเที่ยวในฐานะเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจในระดับโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายสุรเกียรติกล่าว
#พรรคเพื่อไทย #อภิปรายงบประมาณ69 #โอกาสไทยเกมใหม่รับวิกฤตโลก #สุรเกียรติ

บทความที่เกี่ยวข้อง
